เปิดตำนาน iPhone Killer รุ่นแรก

iPhone_Killer

iPhone Killer ไม่ได้หมายถึงเครื่อง iPhone รุ่นพิเศษอะไรนะ …แต่มันคือ มือถือที่ผู้ใช้ให้ฉายาว่าจะปราบ iPhone

หลายคนคงเข้าใจว่า Android คือ iPhone Killer รุ่นแรกและปัจจุบัน จริงๆแล้วมันคือ Nokia 5800 xm ต่างหาก (ตามความเข้าใจผมนะ) ซึ่งในยุคที่ Nokia 5800 มือถือจอสัมผัสเต็มตัวรุ่นแรกๆของ Nokia ได้เปิดตัว ใครๆก็กล่าวขานว่ามันคือ iPhone Killer

และใครที่ใช้ iPhone กับ Nokia ในช่วงนั้น น่าจะได้เห็น 20 เหตุผลที่ Nokia 5800 XpressMusic ดีกว่า iPhone 3G ..และแน่มันคือความเห็นที่มาจากผู้ใช้ Nokia

1. iPhone 3G มีความละเอียดกล้อง 2 ล้านพิกเซล แต่ Nokia 5800 XpressMusic iPhone มีความละเอียดกล้อง 3.2 ล้านพิกเซล เลนส์ CarlZeiss พร้อมแฟลชคู่ และสามารถซูมได้ถึง 3 เท่า

2. Nokia 5800 XpressMusic เบากว่า iPhone 3G ถึง 25 กรัม

3. Nokia 5800 XpressMusic มีราคาถูกกว่า และก็ใช้ได้กับทุก เครือข่าย โดยไม่ต้อง Hack

4. Nokia 5800 XpressMusic ใช้งานถ่าย VDO ได้แต่ iPhone 3G ถ่ายไม่ได้ ต้องลงโปรแกรมเสริมก่อน

5. iPhone 3G ไม่สามารถใช้งาน วีดีโอคอล ได้แต่ Nokia 5800 XpressMusic รองรับ

6. iPhone 3G มีตัวเครื่องเพียง 2 สี สีดำ และ สีขาว ส่วน Nokia 5800 XpressMusic มีถึง 4 สี คือ สีแดง สีน้ำเงิน สีขาว และสีดำ

7. Nokia 5800 XpressMusic iPhone สามารถป้อนข้อมูลได้หลากหลายวิธี เช่น ปากกา นิ้วมือ และ ปิ๊ก แต่ iPhone 3G ใช้มือได้อย่างเดียว

8. iPhone 3G ไม่มีฟังก์ชั่น ตัด และวาง และ บันทึกไฟล์แนบ ลงในเครื่อง

9. Nokia 5800 XpressMusic สามารถรองรับ External Memory เพิ่มได้ สูงถึง 16 GB แต่ iPhone 3G จะต้องเลือกระหว่าง 8GB กับ 16GB

10. iPhone 3G ไม่สามารถโทรออกด้วยเสียงได้ แต่ Nokia 5800 XpressMusic ทำได้

11. iPhone 3G ไม่สามารถบันทึกเสียงได้ แต่ Nokia 5800 XpressMusic ทำได้

12. iPhone 3G ไม่รองรับไฟล์แฟลช แต่ Nokia 5800 XpressMusic รองรับ

13. iPhone 3G ไม่สามารถใช้ Bluetooth ในการรับ – ส่งไฟล์ได้

14. iPhone 3G ไม่สามารถฟังวิทยุ FM ได้

15. Nokia 5800 XpressMusic รองรับไฟล์เอกสารต่างๆ ได้ เช่น MS Officeแต่ iPhone 3G ไม่รองรับ

16. การโอนถ่ายไฟล์เพลงและไฟล์ภาพของ Nokia 5800 XpressMusic จะใช้งานง่ายกว่า iPhone 3G และตัว iPhone 3G ยังยึดติดกับคอมฯตัวเดิม

17. คุณภาพเสียงและลำโพงของตัว Nokia 5800 XpressMusic ดีกว่า iPhone 3G

18. Nokia 5800 XpressMusic สามารถถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่เองได้แต่ iPhone 3G ไม่สามารถถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่เองได้ต้องให้เจ้าหน้าที่เปลี่ยนให้

19. iPhone 3Gไม่สามารถใช้ GPS Built-in ในการนำทางได้

20. iPhone 3G ติดโปรแกรม Kill Switch ซึ่งถูกบรรจุมาในตัวเครื่อง (iPhone 3G จะแทรกแซงความเป็นส่วนตัวของผู้บริโภค)

nokia-5800

หน้าตาของ Nokia 5800 XM มันคือมือถือระบบปฏิบัติการ Symbian สัมผัสได้สองแบบ คือ ใช้นิ้วและปากกาสไตลัส (ถ้าใช้นิ้วต้องกดแรกหน่อย หรือใช้เล็บจะสะดวกกว่า)  ระบบซิมเบี้ยนของ nokia ก็มี App ให้ใช้พอตัวซึ่งมีจุดขายร่วมกันกับ OVI

เหตุผลที่ Nokia 5800 ถูกยกให้เป็น iPhone Killer ในยุคนั้นคือ การก้าวเข้ามาทำจอสัมผัสอย่างจริงจังของ Nokia ค่ายมือถือเบอร์ 1 ของโลก (ณ ขณะนั้น) และตอบสนองได้ดีในด้านการใช้งานธรรมดาๆ เพราะหลายคนคุ้นเคยกันอยู่แล้วกับ Sybian Nokia และจากความสำเร็จดังกล่าว Nokia 5800 กลายเป็นเครื่องแม่ ที่ Nokia ทำออกมาเป็นรุ่นลูกมากมาย ที่หน้าตาเหมือนกันเด๊ะๆ แต่ความสามารถด้อยกว่า บางรุ่นก็ดีกว่า

บางเว็บไซท์ถึงขั้นอวย Nokia 5800 อย่างเต็มที่ ขึ้นหัวเว็บใหญ่ๆว่า iPhone Killer มีภาพ iPhone เลื่อนสาด และ Nokia 5800 เด่นตระหง่าน …ผมจำไม่ได้แล้วนะว่าเว็บไหน สองปีมาแล้ว

ถ้าพูดถึงการใช้งานกันจริงๆผมว่าก็โอนะ Nokia 5800 XpressMusic จะเป็นรองก็แต่การสัมผัสหน้าจอกับ ระบบปฏิบัติการ มีเสถียรภาพน้อย จุดเด่นคือ ใช้ง่าย เสียงดี จับ GPS ไว

อย่างไร……ถ้าพูดถึงเวลา “ปัจจุบัน” นี้ Nokia 5800 และ Nokia นั้นหลุดเทรนด์ไปแล้ว ขณะที่ iPhone ยังอยู่ในเทรนด์ปัจจุบัน เพียงแต่ตอนนี้คือ iPhone 4 (คืนนี้งาน WWDC ไม่รู้จะ iPhone 4s หรือ iPhone 5)

สรุปคือ Nokia 5800 นั้น Kill ไม่สำเร็จ ด้วยประสบการณ์ใช้งานที่แตกต่าง Nokia Symbian นั้นขาดความยืดหยุ่น ไม่มีรุ่นไหนที่เหมาะกับการแชทจริงๆ แม้จะมีรุ่นแชทออกมา เพราะเรื่องการเปลี่ยนภาษา ซึ่งต้องกดหลายครั้ง ปัญหาหน่วยความจำเต็ม การสัมผัสที่ล้าหลัง ฯลฯ ทำให้ถูกลืมไปตามยุคสมัย

ส่วน iPhone Killer ในยุคนี้คือ Android ที่กลายเป็นกระแสดราม่ากันระหว่าง Android กับ iOS ทั้งสองระบบนี้มีแนวคิดที่ต่างกันสุดขั้ว ระหว่างเปิดกับปิด หยืดหยุ่นกับใช้ง่าย ทั้งสองระบบถูกนำมาเปรียบเทียบกันตลอด เพื่อให้เห็นความต่างที่ชัดเจน ให้ผู้จะซื้อตัดสินใจเลือกใช้ได้ง่ายขึ้น  …เรื่อง Android กับ iOS อาจยังไม่มีบทสรุปหรือเดาอนาคตไม่ได้ ยังต้องดูกันอีกหลายปี

Facebook Comments