เกี่ยวกับแอพวาดรูปก็ได้รีวิวไปบ้าง จนล่าสุดได้มาเจอแอพ PenGo ซึ่งก็ไม่ได้เทพอะไรมากนัก หากเทียบกับ SketchBook แล้ว PenGo อาจจะดูด้อยกว่า …แต่ที่ผมชอบใช้ PenGo วาด เพราะมันง่ายสำหรับแนววาดรูปอย่างผม

รูปที่ชอบวาดเอาลงเพจ ผมได้แรงบันดาลใจมาจากเพจ “คิดว่าดีก็ทำไป” แล้วอยู่ๆเขาก็โพสประกาศลาแฟนๆ ปิดเพจแล้วลบเพจไปในที่สุด เล่นเอางงไปตามๆกัน …คือแอดมินเขาอินดี้มาก แต่ไม่คิดว่าจะอินดี้ได้ขนาดนี้

หลังจากเพจนั้นปิดตัวไป ก็ลองวาดๆดูเองบ้าง โดยวาดเลียนแบบลายเส้นการ์ตูนของเขา แล้วคิดคำใส่เอง …แต่คงจะไม่เลียนแบบอย่างนี้ตลอดไปหรอกนะ วาดไปเรื่อยๆ เดี๋ยวจะพัฒนาลายเส้นไปเอง แต่ตอนนี้วาดเลียนแบบเขาไปก่อน เพราะเป็นการ์ตูนที่ผมวาดได้โดยไม่ต้องใช้ทักษะอะไรมาก

หลังจากวาดก็ลองเอาลงเพจ ปรากฏว่ามีคนเก็ตแล้วกด Like ให้ ก็เลยวาดต่ออีก 4-5 ภาพ และหลังจากนี้ก็คงจะมีผลงานแนวๆนี้ออกมาเรื่อยๆ …โดยคอนเซปของงานคือ “ถ้าเขาพูดได้” ไม่ว่าจะเป็น คน สัตว์ สิ่งของ หากว่าพูดได้ จะพูดว่าอะไร

แล้วแอพที่วาดรูปแบบนี้ได้ดีก็คือ PenGo (จริงๆแล้ว SketchBook ก็วาดรูปแบบนี้ได้นะ แต่จะใช้เทคนิคต่างกัน ตอนนี้ผมชินกับเครื่องมือของ PenGo ก็เลยใช้ PenGo วาด)

จุดเด่นของแอพอยู่ที่เครื่องมือวาด ไม่ว่าเครื่องมือไหนๆ จุดขายก็อยู่ที่เครื่องมือวาดรูปนี่ล่ะครับ จุดเด่นของ PenGo อยู่ที่ดูแล้วเข้าใจง่าย ปรับพู่กันได้ง่าย

มีระบบเลเยอร์ บันทึกงานเป็น PSD เอาไปทำต่อที่ Photoshop ได้

แต่ข้อเสียคือระบบ Gallery ของแอพ ไม่มีปุ่มสำหรับสร้างงานใหม่ ต้องเปิดงานเก่าขึ้นมา กดปุ่มรูปกระดาษ แล้วเลือก New ถึงจะสร้างงานใหม่ได้

ตอนนี้มีอีกหลายรูปที่จะวาด คงไม่ได้กระหน่ำวาด แต่จะทยอยวาด วาดตามที่อยากวาด วาดตามที่มีแรง

รูปที่เคยวาดบ่อยๆ เป็นพวกการ์ตูนแนวญี่ปุ่น เป็นการ์ตูนรูปหน้าคนที่สร้างขึ้นเอง …แต่พอได้เรียนมหาลัยฯไม่ค่อยได้วาดรูปอะไรเลย เพราะได้เรียนในสาขาวิชาที่ชอบ ผมตั้งหน้าตั้งตาจดเลคเชอร์ อ่านหนังสือ (บ้าง) แต่กิจกรรมที่ทำบ่อยๆคือ “เล่นเน็ต” เล่นหมากฮอส ปิดเทอมก็ทำกิจกรรมประชุมเชียร์ เปิดเทอมก็กลับมาเรียน และเดินทางออกเที่ยวตามโบราณสถานทุกเทอม เลยกลายเป็นคนที่ชอบถ่ายรูป และ “แต่งรูป”

ตอนอยู่ ปี 4 ได้ใช้ Photoshop ทำภาพบ่อยมาก โดยเฉพาะในวิชาออกแบบพิพิธภัณฑ์ …ในความเป็นจริงอาจารย์ไม่ได้คาดหวังว่านักศึกษาจะต้องทำเอง เพราะอยู่ในสายวิชาการ เน้นให้สื่อสารกับนักออกแบบมากกว่า แต่ผมเป็นคนที่แบบว่า “ถ้าทำได้ก็ขอทำเอง” ก็ฝึกแต่งภาพด้วย Photoshop เรื่อยมา หาหนังสือและเทคนิคการทำภาพมาอ่าน

…จากนั้นก็เป็นคนที่ถนัดการทำภาพด้วยโปรแกรม

หลายปีผ่านมา ได้สัมผัสกับ iPad แล้วก็ได้โหลดแอพแต่งรูปมาลองหลายแอพ และแอพวาดรูปที่ซื้อมาใช้แบบจริงๆจังๆก็คือ SketchBook Pro ผมเอามาทำตัวมาสคอทประจำเว็บ จากนั้นก็ไม่ค่อยได้ใช้อีกเลย แม้ว่าเครื่องมือในแอพจะเยอาะ แต่มันเหมาะสำหรับ “มืออาชีพ” คือเหมือนถูกสร้างมาสำหรับคนที่วาดรูปเป็นอยู่แล้ว แต่ภาพที่ผมวาดได้มันเด็กๆมากเลย

จนกระทั่ง หลายวันก่อน มีแอพใหม่ที่ขึ้นชาร์ทอันดับหนึ่งใน App Store มันคือ “Paper” ตอนแรกผมเฉยๆกับมันมาก เพราะดาวโหลดมาแล้วปรากฏว่าใช้ปากกาได้ด้ามเดียว ถ้าจะใช้เครื่องมืออื่นๆต้องเสียเงินเพิ่ม โดยถ้าเหมาหมดก็ต้องใช้เงินถึง $7.99 ซึ่งมันก็แพลอ่ะนะ ถ้าถูกกว่านี้หน่อยคงตัดสินใจได้ไม่ยาก

เลยดรอพแอพนี้ไว้ แล้วควานหาแอพวาดรูปตัวอื่นมาใช้ แต่ไม่เคยมีแอพตัวไหนถูกใจ เมื่อวานก็เลยตัดสินใจเหมาซื้อปากกาในแอพ Paper มาลองวาดรูป ปรากฏว่ามัน “เจ๋ง” แฮะ ผมรู้สึกว่ามันปลุกวิญญานของคนที่เคยชอบวาดรูปให้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง โดยเฉพาะ “สีน้ำ” เป็นประเภทสีที่ไม่ถูกชะตากับผมมาแต่ไหนแต่ไร แต่สีน้ำในแอพ Paper นี่โครตเจ๋งเลย มันทำให้ภาพร่างกากๆ กลับมามีชีวิตขึ้นมาได้

การวาดของผมก็คือการ่างภาพเอาไว้ แล้วใช้สีน้ำมาละเลงให้มันดูมีชีวิตขึ้นมา เวลาวาดรูปก็นึกถึงวิชาวาดรูปที่เคยเรียนตอนอยู่ ม.ต้น อาจารย์จะสอนให้วาดจากสิ่งสิ่งเล็กๆ สิ่งที่อยู่ไกล้ตัว โดยให้กหัดวาดพวกสิ่งของ ผมก็เลยลองวาดแก้วน้ำ ปากกา โทรศัพท์ ตู้เย็น ฯลฯ

แต่ก่อนที่เป็นคนไม่ชอบสีน้ำเพราะรู้สึกว่ามันควบคุมยาก ชอบสีไม้มากกว่าเพราะสามารลงสีแบบเป๊ะๆได้ ซึ่งมันก็ทำให้การวาดภาพระบายสีเหมือนติดอยู่ในกรอบ ภาพสวยต้องเนียนเป๊ะ …ถ้ามัวแต่คิดแบบนี้ ผมว่าจะไม่มีทางสนุกไปกับการวาดภาพได้เลย มันจะทำให้ภาพออกมาดูแบบเกร็งๆ แล้วในที่สุดก็ไม่อยากวาด เพราะมันยาก

แต่ถ้าภาพวาดคือจินตนาการ คือไม่ต้องเหมือน ไม่ต้องเป๊ะ ไม่ต้องมีความสมบูรณ์ …ภาพมันจะไปต่อได้ จะวาดไปได้เรื่อยๆของมัน คือคนธรรมดาอย่างเราๆจะไปห่วงภาพสวยให้มันเมื่อยทำไม สู้วาดตามใจตัวเองดีกว่า จะวาดสวยได้…ถ้าไม่พรสวรรค์สุดๆก็คือคนที่เรียนวาดรูปมาอยู่แล้ว

รูปที่วาดขึ้นไม่ได้ใช้นิ้วปาดนะครับ ผมใช้ปากกาวาดรูปสำหรับ iPad โดยเฉพาะ เป็นปากกายี่ห้อ OZAKI ซึงมันก็วาดได้ค่อนข้างลื่น …แต่จะลื่นยิ่งกว่าถ้าฟิล์มที่หน้าจอสะอาด และเห็นเขาว่าปากกา iPad มันก็มีวันหมดอายุของมัน ตอนนี้ผมใช้มาเป็นปีแล้ว ยังใช้ดีอยู่ …แต่คิดว่าจะเปลี่ยนอยู่เหมือนกัน ราคาแพงหน่อย ประมาณ 850 บาท

ถ้าถามว่าแอพ Paper ที่ซื้อมาวาดรูป นั้นใช้ทำอะไรได้อีก …ก็คงจะเป็นการร่างไอเดียเก็บไว้ แต่ผมใช้วาดรูปเล่น วาดไว้ดุคนเดียว วาดเอามาลงบล็อก