มมส – Makky.in.th http://makky.in.th ถึงเวลา เดี๋ยวเรื่องก็มาเอง Wed, 31 Aug 2016 09:05:26 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.1.4 7 ปีก่อน กับประสบการณ์ถูกรับน้อง ตอน ความกดดัน http://makky.in.th/548/ http://makky.in.th/548/#comments Sun, 12 Jun 2011 09:47:42 +0000 http://makky.in.th/?p=548

ตั้งแต่วันแรกที่เข้าสัมผัสความเป็น มมส. ผมก็ได้พบกับความกดดัน ในระดับคลาสเชียร์จากเชียร์กลาง เชียร์คณะ และการเข้าพบน้องของรุ่นพี่ในเอกประวัติศาสตร์  แต่จะขอเล่าในส่วนของเอกก่อนแล้วกัน

มันเหมือนกับเป็นธรรมเนียมหรืออะไรสักอย่าง  กับการที่รุ่นพี่จะต้องมาพบน้องหลังจากเรียนวิชาหลัก  วิชาหลักของเอกประวัติสาสตร์จะเรียน 3 ชั่วโมง หลังจากเรียนเสร็จส่วนใหญ่จึงว่าง ไม่มีเรียนต่อ และทุกครั้งที่เข้าพบ เขาจะมาพร้อมกับความรู้สึกที่ “กดดัน”  คำพูดที่ใช้คือ “คุณ” ไม่ใช่น้อง  และการเข้าพบแต่ละครั้งก็จะมีประเด็นมาให้พูดอยู่เสมอๆ  สำคัญคือเรื่องของการรวมเพื่อนในรุ่น รู้จักให้เกียรติเคารพรุ่นพี่เป็นต้น

ในช่วงที่เข้าเรียนเดือนสองเดือนแรก ผมยังไม่มีเพื่อนเลย เวลาได้ยินได้พบอะไร ความรู้สึกจะเหมือนถูกกดดันเป็นสองเท่า  จากน้ำเสียงที่พี่เขาใช้  คือพี่เขาไม่ได้ว้าก  แต่ฟังแล้วรู้ว่าเขากำลังกดดัน บรรยากาศมันจะอึมครึมทั้งห้อง …แต่ไม่ถึงกับน่ากลัว  แล้วคนที่มากดดันน้อง จะมีอยู่แค่ไม่มีคน เป็นส่วนน้อยเท่านั้น แต่ก็เปรียนสเมือนตัวแทนพี่ๆจากรุ่นนั้นๆ  แล้วเวลาเข้าพบน้องของรุ่นพี่ จะมาเป็นชั้นปี ไม่เข้าพบพร้อมกัน  พี่ปีสองจะเข้าพบน้องบ่อยกว่า ด้วยหน้าที่ต้องทำให้เราแขวนป้าย และดำเนินกิจกรรมให้เราตามหาพี่ฉลากคนอื่นๆ

ในทางตรงกันข้าม…ถ้าอยู่นอกห้อง หรือไม่ได้อยู่ในช่วงกิจกรรมรับน้อง ก็คือจะเหมือนรุ่นพี่รุ่นน้องทั่วไป พูดคุยกันปกติ เราเรียกเขาพี่ เขาเรียกเราน้อง  คำว่า “คุณ” จะถูกใช้ในช่วงแรกๆของการรับน้อง และจะสิ้นสุดเปลี่ยนมาเรียกว่า “พวกเรา” หรือ “น้อง” ก็ตอนที่ได้ทำในสิ่งที่รุ่นพี่ยอมรับเราได้ เช่น การแขวนป้าย  ล่าลายเซนรุ่นพี่ครบ พบพี่ฉลาก บูมเอก อยู่กันพร้อมหน้าเวลาที่พี่เรียก ก็ถือว่าผ่านการรับน้อง

การเป็นรุ่นน้องของผมในตอนนั้น ก็เหมือนกับเพื่อนส่วนใหญ่คนอื่นๆ ที่ไม่ได้มีความคิดต่อต้านหรือไม่เห็นด้วยกับรุ่นพี่แต่อย่างใด ด้วยความพี่รุ่นพี่เขาไม่ได้ทำตัวน่ากลัวตลอดเวลา คือหลายคนก็อยู่หอเดียวกัน เดินไปไหน ไปห้องสมุดก็เจอ บางคนอยู่เป็นรูมเมทกัน  เป็นต้น แต่บางคนที่เขาไม่เห็นด้วยหรือไม่ทำกิจกรรมอะไรเลย เขาไม่ต่อต้านนะ แต่แค่ไม่ร่วมกิจกรรมอะไรทั้งนั้น

ถ้าถามว่าการรับน้องของพี่ๆในเอก แล้วผมได้อะไร ก็คือได้รู้จักเพื่อนคนอื่นๆมากขึ้น เพราะถ้าอยู่ในชั้นเรียนเราไม่มีเวลาว่างคุยกันอยู่แล้ว ด้วยธรรมชาติของแต่ละคนเรียนเสร็จก็แยกย้าย เจอกันอาทิตย์ละไม่กี่ครั้ง  ไม่เหมือนกับเรียนเรียนในช่วงมัธยม เจอกันอาทิตย์ละ 5 วัน อยู่ด้วยกันทั้งวัน

แล้วถ้าถามว่าผมชอบมั้ย การที่เข้ามากดดันแบบนี้ ในตอนนั้นรู้สึกว่าไม่ค่อยชอบแต่ไม่เกลียดหรือต่อต้าน และคิดว่าน่าจะมีวิธีที่ดีกว่านี้  แต่การรับน้องของรุ่นผมในตอนนั้นถือว่าโชคดี ที่เราไม่เกเรมันจึงผ่านพ้นมาได้ด้วยดี เพราะบางรุ่นบางกลุ่มเขาก็มีปัญหาจากการเข้ามากดดันของพี่  จนทำให้ไม่ยอมรับ ซึ่งจะส่งผลถึงกิจกรรมอื่นๆ เพราะบางกิจกรรมในเอกจะอาศัยการทำงานร่วมกันของพี่กับน้อง  ถ้ามีปัญหาตั้งแต่แรกก็อาจจะมีปัญหาในระยะยาว

ภาพจาก : msupheung.blogspot.com

]]>
http://makky.in.th/548/feed/ 12
7 ปีก่อน กับประสบการณ์ถูกรับน้อง ตอน พี่ฉลาก http://makky.in.th/540/ http://makky.in.th/540/#comments Fri, 10 Jun 2011 16:35:44 +0000 http://makky.in.th/?p=540
คณะมนุษยศาสตร์และสังมศาสตร์ มมส.

7 ปีก่อน ตอนนั้นผมเป็นนิสิตใหม่ ม.มหาสารคาม และเข้าเรียน “เอกประวัติศาสตร์” ตลอดเวลาเกือบสี่ปีที่เรียนที่นี่ ผมเคย “ถูกรับน้อง” และเป็น “คนรับน้อง” ด้วย  แต่จะขอเล่าเรื่องของการถูกรับน้องแล้วกัน  ซึ่งรับน้องที่ มมส. (ม.มหาสารคาม) มีทุกระดับ  ตั้งแต่ระดับมหาวิทยาลัย ระดับคณะ ระดับเอก/สาขา  บางชมรมก็มีรับน้อง

แต่จะขอเล่าเรื่องที่ถูกรับน้องในระดับสาขาวิชาก่อน  ในช่วงที่เป็นน้องใหม่ในตอนนั้น ผมไม่มีเพื่อนเลย ผมไปเรียน มมส. แบบตัวคนเดียว รูมเมทที่อยู่หอเดียวกัน เขาก็อยู่กันคนละคณะกัน  เพื่อนที่มาจากโรงเรียนเก่าก็มีบ้าง แต่อยู่กันคนละคณะ มีผมมาแปลกกว่าเพื่อน เพราะเรียนสาย วิทย์-คณิตย์มา แต่ดันมาต่อด้านประวัติศาสตร์

เรียนวันแรก…ตอนนั้นเป็นวิชาวิชาอารยธรรมตะวันตก เรียนเสร็จวันนั้นรุ่นพี่ปีสองก็เข้ามานัดแนะ เพื่อที่จะดำเนินการต่างๆ    หลังจากนั้นช่วงหลังเลิกเรียนจะพี่ชั้นปี 2-3  เริ่มเข้ามาพบอยู่บ่อยๆ  กิจกรรมแรกๆที่เกิดขึ้นคือ “จับพี่ฉลาก”  คือจะให้น้องใหม่ทุกคน  จับฉลาก แล้วก็จะได้ ชื่อแปลกๆ มาในมวนกระดาษนั้นๆ  ชื่อแปลกๆก็คือนามแฝงของรุ่นพี่  เป็นชื่อรุ่นพี่ปี 2 จำไม่ได้แล้วว่าได้ชื่อว่าอะไร  …ขั้นต่อไปของน้องใหม่ คือให้ตามพี่รุ่นพี่ ตามฉลากที่จับได้

สำหรับการตามหา วิธีคือให้ไปถามรุ่นพี่คนอื่นๆ ว่าใครคือเจ้าของชื่อนี้  แต่ผมรู้เลยตั้งแต่วันที่ได้จับฉลากได้  เพราะเธอมานั่งอยู่ข้างหลังผมเลย คือหลังจากจับฉลากแล้ว ก็มีเสียงซุบซิบด้านหลัง  พอเข้าไปถามก็บอกว่าไม่ใช่

กิจกรรมต่อมาก็คือต้องขอลายเซนต์รุ่นพี่ปี 2 ให้ได้ครบทุกคน  โดยจะกำหนดบางวันให้นัดมารวมตัวสำหรับคนที่ว่าง เพื่อที่จะได้พบกันและขอลายเซนรุ่นพี่ให้ครบ  ที่ที่นัดพบประจำคือข้าง พล่าซ่า ติดกับหอกันทรวิชัย อยู่ข้างหอผมเอง เดินลงมาก็ถึง ส่วนเพื่อนที่อยู่หอนอกหลายคนเขาไม่ได้มา บางคนก็ไม่ได้ร่วมกิจกรรมอะไรเลย เรียนอย่างเดียว

สำหรับการนัดพบกันที่พลาซ่า เป้าหมายคือ  น้องใหม่ จะต้องขอลายเซนต์รุ่นพี่ให้ได้ครบ แล้วจะต้องตามหาพี่ฉลากปี 2 ให้เจอ และรายงานตัวว่าเป็นน้อง แต่บางครั้งก็ไม่ได้ลายเซต์รุ่นพี่ง่ายๆ บางคนก็เซนต์ให้เลย บางคนให้ร้องเพลงก่อน หรือต้องเต้นด้วยก็มี   ส่วนการตามหาพี่ฉลาก นับแต่วันที่ผมจับฉลากได้ แล้วถามพี่เขาวันนั้น ก็ไม่ได้ตามหาอะไรอีกเลย หยุดไปเฉยๆ  จนมีรุ่นพี่ที่อยู่กลุ่มเดียวกันเขามาบอกเองว่าพี่คนนั้นพี่ฉลาก

พี่ฉลากจะคล้ายๆกับ “พี่รหัส น้องรหัส” หลังจากที่พี่ฉลากและน้องฉลากเจอตัวกันแล้ว จะกลายเป็น พี่น้องร่วมสาย  และในชั้นปี 1 ด้วยกันผมมีเพื่อนร่วมสายอีกคนคือ จุก เพราะจับฉลากได้พี่คนเดียวกัน  การที่พี่เขาเป็นพี่สาย เขาก็จะให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการเรียนหรือเรื่องอื่นๆ  นั่นคือหน้าที่ตามทฤษฏี แต่เอาเข้าจริงผมก็ไม่ได้ปรึกษาหรือคุยอะไรกันเท่าไหร่ ด้วยนิสัยส่วนตัวผมไม่ค่อยคุยกะคนที่ไม่คุ้นเคย แต่เวลามีข่าวหรือกิจกรรมพี่เขาจะมาแจ้ง

ในตอนนั้นผมมีฉลาก 3 คน คือพี่ปี 2 -3 -4  จับฉลากได้พี่ปี 2 แล้วต้องไปตามหาพี่ปี 3 และพี่ปี 4  กิจกรรมนี้ได้จัดสืบทอดกันไปเรื่อยๆ บางคนมีพี่น้องร่วมสายยางเป็นหางว่าว   บางสายก็ “สายขาด” คือรุ่นน้อง ซิ่วไปเรียนที่อื่น ลาออก เป็นต้น

 

]]>
http://makky.in.th/540/feed/ 8
ชีวิต…ก่อนจะมี Facebook http://makky.in.th/453/ Tue, 31 May 2011 06:17:17 +0000 http://makky.in.th/453 Makky-page

ผมใช้ Facebook เป็นช่องทางสื่อสารออนไลน์ก็ประมาณ 2 ปีได้ และได้ใช้แบบจริงจังหลังจากเป็นเว็บมาสเตอร์  และก็มีเพื่อนๆมาใช้มากขึ้น…จนถึงวันนี้ แม้เพื่อนๆบางคนจะหยุดเล่นเฟสบุ๊คไปแล้ว แต่สำหรับผมเฟสบุ๊คยังสำคัญอยู่

ถ้าย้อนไปสัก 5 ปี ผมยังไม่เคยแม้แต่เล่น msn แชทยอดนิยมของไทย ถัดมาอีกสองปี เริ่มรู้จัก Hi5 อดีตเครือข่ายสังคมออนไลน์ยอดนิยม ที่ปัจจุบันดูเหมือนจะเหลือแต่กลุ่มเด็กๆนะเล่นกันอยู่ แล้วต่อมาก็เปลี่ยนมาใช้ facebook กับ Twitter แทน

ก่อนหน้านั้นเวลาะติดต่อกับเพื่อน จะใช้วิธีคุยโทรศัพท์หรือส่งเป็น sms ถ้าจะไปมาหาสู่กัน หลายๆครั้งการบอกล่วงหน้าก็ไม่จำเป็น ชีวิตที่วันๆหนึ่งไม่เข้าเฟสบุ๊ค ถ้าเทียบกับชีวิตปัจจุบันก็ประหยัดเวลาไปได้เยอาะจริง

เพื่อน…ตอนที่เรียนมหาลัย ผมมีเพื่อนเยอาะพอสมควร กว่า 99% รู้จักกันแบบเห็นตัวตนกันจริงๆ สมัยเรียนมหาลัยก็มีกิจกรรมนี่หล่ะ เป็นช่องทางที่จะทำให้ได้รู้จักเพื่อนคณะอื่นๆ  กิจกรรมมีให้ทำทั้งปี เพราะตอนนั้นก็เป็นทั้งคณะกรรมการชมรม ต้องไปแข่งกีฬามหาลัย และคณะกรรมการประชุมเชียร์ คือช่วงปิดเทอมต้องเตรียมรับน้อง เปิดเทอมก็มีกิจกรรมกับชมรม ไหนจะออกค่ายกับชมรมอื่นๆ 

ในเครื่องโทรศัพท์ผม จะเต็มไปด้วยเบอร์โทรเพื่อนๆมากมาย ทั้งเพื่อนเอก เพื่อนชมรม เพื่อนที่ไปค่าย เพื่อนที่แข่งกีฬา …ตอนนั้นเบอร์มันสำคัญที่มากกว่าเรื่องส่วนตัวคือ แจ้งข่าวสาร เวลามีกิจกรรมต่างๆ

บนโลกออนไลน์เองผมเข้าเพียงไม่กี่เว็บ เว็บที่เข้าใช้อยู่บ่อยๆคือ Kapook.com ในตอนนั้นมันคือความบันเทิงเกือบทุกอย่างผม รองลงมาเป็น Sanook  Huasa Teenee และเว็บต่างประเทศอย่าง Yahoo

ชีวิตในอดีตคำว่า “สังคมออนไลน์” ตอนนั้นสำหรับผมมันยังใหม่มาก สังคมออนไลน์ตอนนั้นจะเป็นลักษณะของการทำบล็อก ไดอารี่ออนไลน์ และเว็บบอร์ด หรือคุยกันแบบส่วนตัวผ่าน msn

บริการบล็อกที่เคยใช้งานคือ Blog Kapook ปัจจุบันไม่รู้เหลืออยู่หรือปล่าว ตอนนั้นชอบแต่งกลอนก็เลยทำเป็นไดอารี่ออนไลน์ ต่อมาย้ายมาเขียนใน Livespace ของ Windowslive ซึ่งตอนนี้ปิดตัวไปแล้ว  …..แล้วในอดีต เขาจะรู้จักบล็อกเราได้อย่างไร  ก็คืออาศัยว่าไปคอมเม้นบล็อกอื่นๆที่อยู่ในเครือข่ายบริการเดียวกัน ก็จะมีคนแวะมาบล็อกเราบ้าง

และประมาณ 3 ก่อนได้ ตอนนั้น Hi5 รุ่งเรืองมาก แต่เฟสบุ๊คก็เกิดมานานแล้วล่ะ เพียงแต่คนไทยยังไม่นิยม Hi5 ทำให้ผมเจอเพื่อนเก่าหลายคน แต่ในระยะหลังๆมา การใช้งานค่อนข้างซับซ้อน ไม่ตอบโจทย์ความต้องการ โดยเฉพาะรูปที่ฝากไว้ จะโหลดคืนก็ไม่ได้ และทำงานช้า  …มันจึงเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งที่หันมาใช้ Facebook นอกจากจะสื่อสารกับเพื่อนง่าย แล้วยังมีเกมส์ให้เล่นอีก

]]>
คิดถึงวันวาน เมื่อครั้งยังเป็นสต๊าฟเชียร์ มมส. http://makky.in.th/50/ http://makky.in.th/50/#comments Wed, 27 Oct 2010 19:11:58 +0000 http://makky.in.th/50 A1

ผ่านมาสามปีที่ไม่ได้สัมผัสกับกิจกรรมระเบียบแถว สันทนาการ ร้องเพลงมหาวิทยาลัย วิ่งตอนเช้า ฯลฯ ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นกิจกรรมของคณะกรรมการประชุมเชียร์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม หรือในอดีตที่เขาเรียกว่าสต๊าฟกลางนี้เองแหล่ะ

ถ้าให้เล่าเหตุการณ์ในภาพวันนั้นเป็นวันสุดท้ายของการทำกิจกรรมกลุ่มของเชียร์ บรรดาสต๊าฟกลุ่ม A1 ก็มาถ่ายรูปกันมีกลุ่มอื่นมาแซมด้วยเล็กน้อยผ่านมาสามปีจากวันนั้นก็เหมือนแยกจาก เพราะไม่ได้เห็นคนในภาพนั้นอีกเลย จำชื่อไม่ได้แล้วด้วยว่าใคร ตอนนั้นเราเป็นพี่ปีสี่ปีสุดท้ายของการทำเชียร์ นอกนั้นก็จะเป็นน้องๆที่มาจากคณะต่างๆ  ในปีนั้นเป็นปีที่ประทับใจที่สุดของการทำเชียร์แล้ว ถือว่าประสบความสำเร็จพอสมควร เพราะปีที่ผ่านมามีทั้งเหตุการณ์เชียร์ล่ม หรือน้องไม่ได้รุ่น ปีต่อมาก็โดนน้องด่าทำกลุ่มเจ๊ง แต่มาปีนี้ทุกอย่างมันเรียบร้อย เหมือนเรามีวุฒิภาวะและประสบการณ์มากขึ้นทุกอย่างมันจึงไม่ยากเย็นที่จะปฏิบัติงาน  น้องๆก็น่ารัก เชียร์ปีสุดท้ายปีนั้นมันจึงจบไปได้ด้วยดีในความรู้สึก

]]>
http://makky.in.th/50/feed/ 13