เว็บ – Makky.in.th http://makky.in.th ถึงเวลา เดี๋ยวเรื่องก็มาเอง Wed, 31 Aug 2016 09:05:26 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.1.4 เปลี่ยนธีมเว็บใหม่ กับแนวคิด “คืนสู่ความเรียบง่าย” http://makky.in.th/2817/ http://makky.in.th/2817/#comments Tue, 19 Aug 2014 10:42:25 +0000 http://makky.in.th/?p=2817 ปกติผมจะเปลี่ยนธีมเว็บ maahalai.com แค่ปีละครั้ง แต่ปีนี้เปลี่ยนมาเป็นครั้งที่ 2 แล้ว สาเหตุหลักก็เพราะว่าต้องการให้ผู้ชมโหลดหน้าเว็บได้เร็วขึ้น อ่านง่าย และค้นหาข้อมูลข้อมูล

ธีมใหม่ได้เปลี่ยนในช่วงต้นเดือน ซึ่งเป็นช่วงที่ผมปรับแนวคิดการทำงานใหม่ หลังจากที่ปล่อยปะละเลยมานาน จนสถิติการเข้าชมเว็บจากทรูฮิตมันตกลงไปเกือบๆอันดับที่ 400 พอตั้งหลักได้ก็ปรับแผนครั้งใหญ่ อันดับเว็บดีขึ้น แต่ยังไม่พอใจเท่าไหร่ เพราะเคยทำได้ดีกว่านี้

การเลือกธีม
ก่อนจะตัดสินใจเปลี่ยนธีมเว็บ ผมลองเข้าเว็บอื่นหลายๆเว็บแล้วก็ตั้งคำถาม ทำไมเว็บเราโหลดช้ากว่าเขา แล้วทำอย่างไรจะให้เว็บโหลดเร็วกว่านี้ จากนั้นก็เริ่มต้นด้วยการตัดฟังชันบางส่วนของธีมออก แม้ว่าธีมจะถูกโหลดเร็วขึ้น แต่รู้สึกว่ามันไม่สวยเหมือนเดิม ก็เลยตัดสินใจจะเปลี่ยนธีมใหม่

ผมเริ่มหาเว็บด้วยการค้นคำว่า WordPress Theme blog เพราะอยากได้เว็บที่มีลักษณะคล้ายบล็อก เพื่อให้ดูเรียบง่าย แต่อยากได้แบบไม่เรียบง่ายเกินไป ขอแบบมีลูกเล่นที่ Head บ้าง

ผมใช้เวลาประมาณ 3 วัน สำหรับค้นหาธีมใหม่ ซึ่งจริงๆมันไม่ได้ตรงกับความต้องการ 100% แต่พยายามหาในแบบที่ไกล้เคียงที่สุด ลำพังจะไปจ้างทำก็ไม่มีงบมาก เพราะเพิ่งถอยแมคบุ๊คเดี๋ยวไม่มีตังค์ใช้

ธีมใหม่ที่ใช้ชื่อว่า Lightly ซื้อจาก ThemeForest ในราคา $43 ประมาณ 1,400 กว่าบาท ธีมนี้ถูกสร้างนานแล้วตั้งแต่ปี 2012 ถือว่าเป็นธีมเก่าอยู่นะ แต่มันโหลดหน้าเว็บได้เร็วดี และรองรับการชมได้ทั้งบนมือถือและแท็บเลทก็เลยเลือกธีมนี้

mac-151

ลักษณะของธีมจะดูคล้ายๆแมกกาซีน แต่ผสมผสานกับรูปแบบบล็อก เลยทำให้ดูไม่ยาก แม้จะเพิ่งเข้าเว็บครั้งแรกแต่ก็น่าจะทำให้ผู้ชมเข้าถึงข้อมูลต่างได้ง่าย เพราะโครงสร้างของเว็บดูธรรมดามากๆ (ต่างจากธีมเก่าที่ผมใช้ โครงสร้างค่อนข้างซับซ้อนเหมือนเว็บใหญ่)

ความง่ายในแบบของผม
นอกจากเปลี่ยนธีมแล้ว สิ่งที่ทำคือการไม่พยายามขยายสาระให้มากสาขาจนเกินไป เพราะมันจะเจาะลึกลำบาก หรือถ้ามีเนื้อหามากก็ไม่ทำซับโดเมนใหม่ เพราะนอกจากผู้ใช้จะสับสนแล้ว ยังต้องมาเหนื่อยกับการอัพเดทระบบทีละเว็บ

ความง่ายมันไม่ใช่แค่การตัดและการจำกัด แต่บางอย่างมันต้องชัดเจนด้วย ก็เลยออกแบบโลโก้เว็บใหม่ที่เกือบจะคล้ายโลโก้เว็บรุ่นแรก แต่เปลี่ยนจากตัว M ใหญ่มาเป็น m เล็ก และใช้พื้นหลังเข้มให้ดูเด่นๆไปเลยว่านี่คือโลโก้

mac-150

และไม่ใช่แค่เบื้องหน้าที่ทำอะไรออกมาให้ดูง่าย ผมพยายามปรับการทำงานเบื้องหลัง เริ่มจากจัดการไฟล์ในเครื่อง และเลือกใช้แต่โปรแกรมที่จำเป็น เพื่อให้ชินกับการทำงานที่เร็วๆ จะได้นำความรู้สึกส่วนนี้ไปใช้กับการทำเว็บ

สิ่งที่ยังไม่เสร็จ
ผมยังไม่พอใจกับช่องทางสื่อสารระหว่างผู้ชมกับแอดมินเท่าไหร่ ตอนนี้มีคุยบนแฟนเพจกับช่องคอมเม้นเท่านั้น แต่ผมอยากเพิ่มบริการที่ทำให้หาคำตอบได้ง่ายขึ้น และแอดมินต้องไม่ลำบากจนเกินไป เพราะทำเว็บคนเดียว

สิ่งที่พยายามทำอยู่คือระบบถาม-ตอบ คล้ายๆกับ Ask.fm แต่ยังมีบางส่วนที่ต้องแก้ไข และยังไม่มีเวลาพอที่จะทำให้เสร็จเร็วๆ

อีกอย่างที่กำลังพิจารณาคือหน้า FAQ อยากทำอยู่ แต่เนื่องจากเว็บเป็นวาไรตี้ด้านไอที การรวมคำถามที่ถามบ่อยมันเป็นงานหนักมาก เพราะเว็บมีหลายหมวด mac iphone ipad android facebook windows และ windows phone

สุดท้ายคือเรื่องของการค้นหา ผมเคยคิดจะทำสารานุกรมในหมวดไอทีแต่ไม่สำเร็จ เพราะรู้สึกว่ายากเกินไปสำหรับการทำอะไรคนเดียว และเสียดายอีกอย่างที่ Custom Search ของ Google ไม่รู้ระบบมีปัญหาหรือเพราะอะไรถึงได้ตัดเอาค้นหาด้วยเสียงออก ไม่งั้นผมจะเปลี่ยนมาใช้ยกเว็บเลย

]]>
http://makky.in.th/2817/feed/ 9
ปัญหาที่เว็บมาสเตอร์จะพบ เมื่อทำเว็บไปนานวัน http://makky.in.th/1158/ http://makky.in.th/1158/#comments Wed, 09 Nov 2011 13:43:19 +0000 http://makky.in.th/?p=1158

สิ่งที่หลายๆเว็บมีปัญหาเหมือนกันคือเว็บล่ม เว็บล่มมีปัญหาทั้งจากโฮสและจากเราเอง อีกปัญหาคือเกิดจากคนที่เข้ามาคอมเม้นในเว็บที่มีทั้งหวังดีและหวังร้าย  และบางครั้งก็มีปัญหากับปลั๊กอินของเว็บเสียเอง

ปัญหาเว็บล่มของผมเกิดจากการที่เว็บมีไฟล์ภาพจำนวนมากและคนเข้าดูเยอาะมาก ในตอนแรกที่ทำเว็บผมอัพไฟล์ภาพทั้งหมดเข้าโฮสตัวเอง ช่วงแรกๆ ไม่เคยมีปัญหาอะไรกับเว็บแรกที่ผมทำคือ droidza.com ไฟล์ภาพเยอาะมาก เพราะมีภาพทุกบทความ ต่อมาได้ติดตั้งเว็บเพิ่มอีกสองเว็บ ได้แก่ maahalai.com และ makky.in.th คือบล็อกนี้เอง ปัญหาก็เริ่มเกิดขึ้น ในช่วงเดือนมีนา-เมษา ปีนี้เอง เป็นช่วงที่นักเรียนนักศึกษาปิดเทอม คนเข้าเว็บเยอาะมาก วันละหลายหมื่นคนจนเว็บล่ม ล่มเว็บเดียวแต่เสียหายยกพวง คือเว็บ maahalai.com มีคนเข้าชมจำนวนมาก ช่วงนั้นเข้าเยอาะอยู่เว็บเดียว จนโฮสทำงานไม่ได้ ทางเจ้าของโฮสเขาก็เลยแจ้งแนะนำให้เปลี่ยนระบบเป็น VPS จากเดิมที่ผมใช้ แชร์โฮสคือโฮสเดียวทำงานร่วมกับเว็บเจ้าอื่นด้วย การใช้ VPS เป็นการลำลอโฮสแยกตัวออกมา ทำให้เว็บรองรับผู้ชมได้มากขึ้น แต่ค่าใช้จ่ายก็มากขึ้นจากรายปีเปลี่ยนเป็นรายเดือน

ปัญหาเว็บล่มผมไม่ได้แก้ปัญหาแค่อัพเกรดระบบโฮส เพราะต้นตออยู่ที่รูปภาพจำนวนมากที่ฝากไว้กับโฮส หลังจากได้อัพเกรดเป็น VPS แล้ว ผมได้ทยอยลบภาพหลายพันภาพในโฮส แลพอัพโหลดภาพฝากไว้กับ Google และแก้ไขบทความใหม่เพื่อให้โฮสไม่ทำงานหนักจนเกินไป และถ้าไม่ทำต้อเสียตังอัพเกรด VPS เพิ่มอีก ในตอนนั้นผมต้องนอนเช้าทุกวันเพื่อแก้ไขบทความเป็นพันๆเรื่อง

อีกสาเหตุที่มาพบภายหลังคือเกิดจากปลั๊กอินที่ใช้ ถ้าใครใช้ WordPress ก็ลบ Relate post กับ WP-postview ออกไปได้เลย มันทำให้โฮสทำงานหนัก แต่เปลี่ยนไปใช้ปลั๊กอินตัวอื่นๆที่ทำงานไกล้เคียงกันแต่ไม่ทำร้ายโฮส

ส่วนปัญหาจากคนที่เข้ามาคอมเม้น ส่วนใหญ่เป็นคนไทย ชอบเข้ามาโฆษณาทำงานออนไลน์ได้ตังค์ ทำ SEO เข้าเว็บตัวเองบ้าง คนพวกนี้ผมเจออยู่วัน และก็ลบออกทุกวัน เพราะทันทีที่ได้รับเมล์แจ้งเตือนผมก็เข้าไปลบ

นอกจากโฆษณาคอมเม้นอื่นๆ ไม่เข้ามาผมก็ลบ เพราะถือเป็นสิทธิ์ขาดในฐานะเจ้าของเว็บ คอมเม้นที่ลบส่วนใหญ่ จะลบพวกที่ใช้คำหยาบ ด่าทอคนอื่น บางคนก็ด่าเจ้าของเว็บเสียเอง ผมเจอผมลบออกไป แต่คอมเม้นดราม่าก็ยังมีอยู่เยอาะ มีดราม่ากันทุกวัน โดยเฉพาะเว็บ maahalai.com แต่ส่วนใหญ่ผมไม่ได้ลบออก เพราะเขาไม่ได้หยาบคาย ถ้าใครหยาบคายค่อยลบ

ปัญหาเกี่ยวกับการคอมเม้นอีกอยาก ที่ผมพยายามไม่ให้มันเป็นปัญหา คือหลายๆบทความจะมีการตั้งคำถามมากมาย ซึ่งหลายๆคำถามมันมีคำตอบอยู่ในบทความ หลายคนถามนอกเรื่อง หลายคนถามคำถามที่ผมตอบไม่ หลายคนถามแบบไม่มีมารยาท …ผมก็ไม่ตอบ ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กอ่ะนะ เวลาถามคำถามจะลงท้ายด้วยคำว่า “ตอบด้วย” มันเหมือนกับจะบังคับกัน ผมถือว่าถามแบบนี้ไม่ให้เกียรติกัน

ทั้งหมดนี้เป็นปัญหาส่วนหนึ่ง จากประสบการณ์ทำเว็บมาเกือบสองปี ในความเป็นจริงงในแต่ละเดือนผมมีปัญหามาเป็นระยะๆ เพราะเว็บมันเป็นงานที่ต้องพัฒนาอยู่เรื่อยๆ เว็บไม่ใช่งานฝากเงินธนาคาร ทำครั้งเดียวแล้วรอเก็บดอกเบี้ย เว็บต้องการความต่อเนื่อง และความท้าทายของงานนี้ยังมีอีกมากมาย

]]>
http://makky.in.th/1158/feed/ 11
ประยุกต์วิชา Marketing มาใช้กับการทำเว็บ http://makky.in.th/1131/ http://makky.in.th/1131/#comments Sun, 30 Oct 2011 20:59:53 +0000 http://makky.in.th/?p=1131 ส่วนตัวไม่ได้เรียน Marketing มาโดยตรง แต่เรียนมาแบบอ้อมๆ ผ่านการเรียน “พิพิธภัณฑ์” เพราะแนวโน้มการทำพิพิธภัณฑ์ยุคใหม่ต้องมีการทำการตลาด ไม่งั้นอาจจะไม่รอด   แต่การตลาดที่ผมเรียนมาค่อนข้างพื้นฐาน อาจารย์สอนทฤษฏีมานิดหน่อย แล้วให้ไปคิดไปประยุกต์ใช้เอง เพราะการเรียนในระดับปริญญาโทจะสอนให้คิดเองทำเอง

ย้อนไปหลายเดือนก่อน ผมทำ SEO ควบคู่ไปกับการพัฒนาเนื้อหาในเว็บ วันเวลาผ่านไปรู้สึกว่ามันไม่ยั่งยืน การค้นหามันเปลี่ยนแปลงกันได้ ที่สำคัญการทำ SEO เหมือนทำให้เว็บตัวเองมากกว่า  เลยปรับวิธีคิดใหม่ สร้าง Brand + Marketing โดยเน้นว่าตอบโจทย์ความต้องการของคนเข้าเว็บ

แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าคนเข้าเว็บเขาต้องการอะไร

  1. ตัวเราเองเคยมีปัญหาอะไร
  2. ตัวเราเองสนใจอะไร
  3. ตัวเราเองถนัดอะไร
  4. ตัวเราเองอยากทำอะไร
เช่น เว็บ facebook.maahalai.com/ ผมทำขึ้นมาเพราะรู้ว่าหลายมีปัญหากับการใช้ Facebook แน่ๆ ส่วนตัวก็สนใจ Facebook และใช้มันทุกวันอยู่แล้ว และที่อยากจะทำคือสร้างฐานความรู้ที่ตอบโจทย์คนใช้ Facebook

ตัวอย่างสถิติการเข้าชมในแต่ละเดือน ด้วยการทำ Marketing  ซึ่งแม้ว่าโดยโครงสร้างจะมี SEO อยู่ก็ตาม แต่การดำเนินการเน้นในเรื่องของ Marketing มากกว่า

จริงๆแล้วการทำการตลาดเว็บ  facebook.maahalai.com/ แค่ชื่อเว็บก็น่าจะพอเห็นภาพ เพราะกลุ่มเป้าหมายชัดเจนว่าเป็นคนที่ใช้ Facebook แล้วผมก็เขียนวิธีการใช้ตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงการใช้งานขั้นสูง โดยที่จุดเด่นคือเป็นเว็บที่มีภาพประกอบคำบรรยาย เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป

ส่วนการประชาสัมพันธ์ก็ทำผ่าน Facebook ทั้งโปรไฟล์ส่วนตัวและแฟนเพจซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก แล้วยังบอกต่อไปยังผู้ใช้ Twitter กับ Google+ ด้วย แม้ว่าจะเป็นคนละโซเชียลเน็ตเวิร์ค แต่การประชาสัมพันธ์คือการตรอกย้ำว่าเราถนัดด้านนี้ ยิ่งบ่อย ยิ่งเยอาะ ระดับความน่าเชื่อถือจะเพิ่มขึ้น

แต่สำคัญคือจุดเด่นของบทความ เว็บที่เขียนเรื่องเกี่ยวกับ Facebook มีมากมาย คำถามคือความต่างคืออะไร ทำไมเขาถึงต้องมาอ่านของเรา

วันเวลาผ่านไป บทความจะถูกสะสมพอกพูนขึ้นเรื่อยๆ แต่ผมจับจุดพฤติคนเข้าเว็บหลายคนได้ว่า เขาไม่ชอบค้นหา บางคนถามโดยที่อ่านไม่ละเอียด เหมือนจะอ่านแค่หัวข้อแล้วก็ตั้งคำถามเลยก็มี   …สิ่งที่ผมทำคือนำมารวมเป็นหมวดหมู่ จัดสาระให้เป็นความรู้ที่ดูมีระเบียบ แม้ว่าในเว็บจะมีการแยกหมวดหมู่ไว้แล้วก็ตาม แต่ส่วนตัวรู้สึกจะไม่สะดวกเท่าไหร่ ก็เลยทำ central.maahalai.com/  ขึ้นมาตอบคำถามหลายๆอย่าง คนอ่านดูง่ายเพราะเนื้อหาถูกแยกหมวดหมู่ไว้  อีกทั้งยังมีการเชื่อมโยงไปยังสาระอื่นๆ ให้พลอยได้รับอนิสงไปด้วย

สรุปแนวคิดการทำ Marketing ให้เว็บ

  1. เป้าหมายอยู่ตรงไหน เช่น จำนวนคนเข้ามา และเข้ามาอีก หรือจำนวน Like
  2. จะไปให้ถึงเป้าหมายนั้นอย่างไร ทำออกมาเป็นกลยุทธ์
  3. เว็บเราต่างจากคนอื่นยังงัย
  4. รู้จักกลุ่มเป้าหมาย เขาอยู่ไหน  ประชาสัมพันธ์ไปยังกลุ่มเป้าหมายหลัก และไม่ทิ้งกลุ่มเป้าหมายรอง
  5. จัดระเบียบสาระที่มีอยู่อย่างกระจายกระจาย ทำช่องทางเข้าถึงอย่างสะดวก
 Marketing กับ SEO ไม่เหมือนกันนะ เพราะการตลาดคือเน้นตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย และทำไปอย่างมีกลยุทธ์
]]>
http://makky.in.th/1131/feed/ 7
ถ้าทำเว็บวันนี้ จะได้เงินวันไหน http://makky.in.th/855/ http://makky.in.th/855/#comments Sun, 21 Aug 2011 13:02:00 +0000 http://makky.in.th/?p=855

เว็บที่ทำเงินผมแบ่งเป็นสองประเภทหลักๆ นะ คือ “เว็บขายสินค้าและบริการ”  กับ “เว็บขายโฆษณา”  ประเภทแรกจะทำเงินได้เร็วกว่า และอาจจะมากกว่า  ส่วนเว็บขายโฆษณากว่าจะทำเงินได้อาจใช้เวลานาน  ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ “ความถนัด” …ผมทำทั้งสองเว็บ ทำเว็บขายโฆษณาก่อน  และได้เงินกับเว็บขายสินค้าและบริการก่อน  เพราะกว่าจะทำเงินจากโฆษณาได้ ต้องใช้เวลานาน

ขอเล่าถึงเว็บ “ขายสินค้าและบริการ” ก่อน ผมทำเว็บขายบริการ ยังไม่ถึงเดือนก็ได้เงินทันที จากการสั่งงานของลูกค้า บางเดือนได้มากจนทำงานไม่ทัน บางเดือนก็แทบไม่ได้ รายได้จากการขายบริการไม่มีอะไรแน่นอนอยู่แล้ว

ความยากของการขายบริการบนเว็บ คือทำให้คนเข้ามาดู และตัดสินใจสั่งบริการจากเรา ส่วนเว็บขายของผมยังไม่เคยทำนะ เพราะไม่มีอะไรจะขาย และยังไม่คิดจะขายอะไร  สำคัญของการทำเว็บแนวนนี้ สินค้าบริการต้องมีเอกลักษณ์ และมีความน่าเชื่อถือ เพราะไม่ว่าจะขายอะไรคู่แข่งเยอาะเหลือเกิน

ส่วน “เว็บขายโฆษณา” ก็คือเว็บทั่วๆไปที่มีโฆษณามาแปะ อย่าง “บล็อกนี้” ก็อยู่ในประเภท เว็บขายโฆษณา มีการนำโฆษณามาแปะ เพื่อหารายได้  ส่วนเงินที่จะได้มาจาก 3 ทางหลักๆ

  1. ขายโฆษณาจากเว็บและแบรนด์ต่างๆ
  2. โฆษณาจาก Google Adsense
  3. โฆษณาแทรก ด้วยการรีวิวสินค้า
การขายโฆษณาตามข้อ 1 กับ 3 ถ้ามีคนมาติดต่อลงโฆษณาก็ได้เงินทันที  แต่รายได้ผมมาจาก Google Adsense ซึ่งกว่าจะได้ ใช้เวลานานมาก ตามผู้มีประสบการณ์บอก เขาบอกว่า 6 เดือน จะเริ่มได้เงิน 100$ จาก Adsense  ผมได้ในเดือนที่ 4 จากการทำ Adsense (อย่างจริงจัง)  ก่อนหน้านั้นผมทำเล่นๆมาเกือบปี ได้มายังไม่ถึง 100$ เลย เพราะถ้าทำไม่ถึงร้อย ก็จะเบิกไม่ได้
ตัวอย่าง 10 เดือนล่าสุด
ถ้าจะทำเงินจาก Adsense ต้องทำเว็บอย่างเป็นระบบ มีความต่อเนื่อง ที่สำคัญเป็นเว็บที่มีคนมาอ่านจริงๆ  และอาจใช้เวลานาน 3-4 เดือน จะเริ่มได้เงินก้อนแรก  เพราะการทำเว็บขายโฆษณา ต้องสั่งสม “เนื้อหา” และ “แฟนเว็บ” รายได้จะเพิ่มขึ้นตามจำนวนแฟนและเนื้อหา
]]>
http://makky.in.th/855/feed/ 4
ก่อนจะเป็นชื่อเว็บ Maahalai.com http://makky.in.th/832/ http://makky.in.th/832/#comments Tue, 16 Aug 2011 14:01:56 +0000 http://makky.in.th/?p=832
ก่อนจะคิดชื่อเว็บ “คอนเซป” เว็บได้ลอยมาก่อน ผมจดชื่อ Maahalai.com ครั้งแรกคือเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ด้วยความตั้งใจที่จะทำเว็บแนววาไรตี้  ในตอนนั้นผมมีโมเดลคือเว็บ กระปุก สนุก หันษาฯลฯ ด้วยความคิดตอนนั้นคืออยากจะทำอะไรที่มันใหญ่ขึ้นกว้างขึ้น

1 วันก่อนหน้าที่จะไปจดชื่อเว็บ ตอนนั้นเหมือนกุญแจรถจะหาย รอช่างมาซ่อม ก็เดินจากตลาดศาลายา ไปเล่นเกมส์แถวๆหน้ามอ มหิดล การเดินทำให้ผมได้คิด ระหว่างทางที่เดินมองไปรอบๆตัว ที่ชุมชนแถบนี้เติบโตเจริญขึ้นมาได้เพราะอยู่ติดรั้วมหาวิทยาลัย คำว่ามหาวิทยาลัยมันก้องเข้ามาในหัว บวกกับความคิดที่จะทำเว็บแนววาไรตี้ จึงได้คอนเซปว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่อยู่บนโลกออนไลน์ แต่ตอนนั้นตั้งชื่อว่ามหาวิทยาลัยไร้ปริญญา คือเป็นแหล่งรวมความรู้ ที่เข้ามาเรียนรู้ได้ตลอด ไม่มีปริญญา เพราะไม่มีวันจบการศึกษา

หลังจากที่ได้คอนเซปก็คิดชื่อเว็บ ผมอยากได้ mahalai.com แต่มีคนจดไปแล้ว เลยคิดชื่อที่ไกล้เคียง คืนก่อนที่จะจดชื่อ ผมคิดอยู่นาน ไม่มีชื่ิออื่นมาแทนได้ เพราะอยากได้ชื่อนี้มากๆ เลยคิดที่จะเพิ่มตัวอักษรโดยออกเสียงเหมือนเดิม จาก mahalai เป็น Maahalai เพิ่มตัว A ลงไป ออกเสียงเหมือนเดิม ความหมายเหมือนเดิม ที่สำคัญเป็นชื่อที่ไม่ซ้ำใคร

และพอถึงวันที่จะจด ชื่อ Maahalai ยังอยู่ในใจแต่ยังไม่จดเสียที บ่ายวันนั้นผมไปนั่งกินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านก๋วยเตี๋ยวตำลึง แถวๆประตู3 ม.มหิดล ระหว่างรอก๋วยเตี๋ยวผมก็ตัดสินใจ โทรศัพท์ไปสั่งชื่อเว็บกับทางโฮส นั่นคือจุดเริ่มต้นของการใช้ชื่Maahalai.com

ตั้งแต่เดือนสิงหาคมในปีนั้น ผมทำเว็บแบบทดลองมั่วๆมาระยะหนึ่งจนถึงเดือนพฤศจิกายน. ได้เปลี่ยนคอนเซปใหม่ เริ่มต้นใหม่เกือบทุกอย่าง โดยลบเนื้อหาเดิมๆออกเกือบทั้งหมด แล้วอัพเดทบทความใหม่ๆ และให้วันนั้นเป็นวันเกิดเว็บ ภายใต้แนวคิดที่ว่า “ทุกอย่างต้องออกมาจากประสบการณ์จริง”. ใช้กรอบแนวคิดนี้ดำเนินการทำเว็บออกมาอย่างมีทิศทางจนถึงปัจจุบัน ก็ยังรักษาคอนเซปนี้อยู่

]]>
http://makky.in.th/832/feed/ 10
เบื้องหลังการตั้งชื่อเว็บต่างๆ ของผม กรณีเว็บ Droidza.com http://makky.in.th/775/ Wed, 03 Aug 2011 13:37:42 +0000 http://makky.in.th/?p=775

เว็บที่ทำอย่างจริงจังเว็บแรกผมคือ Lovemaq.com (ปิดตัวเปลี่ยนชื่อไปแล้ว) ก่อนจะใช้ชื่อนี้จริงๆแล้วผมคิดชื่อไว้ก่อนหน้านี้หลายชื่อ แต่ว่า ชื่อที่คิดได้มีคนจดไปแล้ว ซึ่งตอนนั้นตั้งใจจะทำเว็บที่มีสาระทั่วๆไป  ช่วงที่กำลังจะลงทะเบียนจดโดเมน ผมใจร้อนมาก เลยเอาชื่อทวิทเตอร์มาใช้

นานวันไปจากเว็บสาระทั่วไปกลายมาเป็นเว็บไอที แล้วก็แคบลงมาเป็นเว็บรีวิวแอพมือถือ Android ผมเลยเปลี่ยนจาก Lovemaq.com มาเป็น Droidza.com

สาเหตุ ที่ต้องเปลี่ยนเพราะเรื่อง “แบรนด์” ตั้งแต่เรียนวิชาการตลาดมาบ้าง ก็เริ่มให้ความสำคัญกับการทำในสิ่งที่ดูน่าเชื่อถือ ชื่อ Lovemaq ไม่เข้ากันกับ Android จึงได้จดทะเบียนใหม่เป็น Droidza.com

ก่อนที่จะเป็น Droidza ก็ได้คิดชื่ออื่นๆไว้เยอาะเหมือนกัน เช่น AndroidThai  DroidThai ฯลฯ แต่มีเว็บอื่นเอาไปใช้แล้ว ผมจึงใช้ Droidza มาจากการผสมคำว่า Droid ที่มาจาก Android และ za คือ ซ่า นั่นเอง  ที่ผมใช้คำว่า za เพื่อให้สื่อถึงความหมายว่าเป็นเว็บ Android แนวใหม่ คือเน้นรีวิวแอพ และผ่านการใช้มาจริงๆ

…กลับมาที่เรื่อง แบรนด์ เชื่อว่าหลายคนได้ยินบ่อย แต่คงไม่ได้รู้จักอะไรมาก คำนี้นักการตลาดใช้บ่อยๆ ผมรู้จัก แบรนด์ ก็อาศัยว่าหาอ่านและศึกษาอย่างจริงจังในชั้นเรียน แบรนด์ไม่ใช่สินค้า ยี่ห้อ หรือตราอะไรนะ ในความเข้าใจของผม แบรนด์ คือ “ความรู้สึก”

การใช้ชื่อเว็บที่เหมาะสม ก็เพื่อให้เกิด “ความรู้สึก” ที่มีต่อชื่อ นึกถึงชื่อนี้ ต้องรู้สึกแบบนี้ นี่คือแบรนด์ในความหมายของผม ผมตั้งชื่อเว็บโดยคำนึงถึงความรู้สึกว่า เห็นชื่อเว็บแล้วดูน่าเชื่อถือ ว่าเว็บนี้มันเกิดมาเพื่อสิ่งนี้โดยเฉพาะ

นอกจากเรื่องแบรนด์แล้ว “ความกระชับ” เป็นหัวใจสำคัญของชื่อ ผมพยายามไม่ให้ชื่อเว็บยาวเกินไป  ชื่อ Droidza อ่านง่ายสำหรับคนใช้มือถือ Android ออกเสียงแค่สองพยางค์ เป็นชื่อที่ไม่มีใครใช้ ถ้านึกถึงชื่อนี้จะต้องนึกถึง Android …นี่คือเป้าหมายของชื่อ

ภารกิจหลังจากตั้งชื่อแล้วก็ไปสร้างทวิทเตอร์แล้วใช้ Droidza ส่วนแฟนเพจยังเป็นชื่อ Lovemaq เปลี่ยนแปลงไม่ได้ตามกฏของเฟสบุ๊ค ที่เหลือคือ Google+ เปิดให้สร้างหน้าเพจเมื่อไหร่ จะตามไปจดทันที  …เพราะชื่อใน Social Media นั้นสำคัญไม่น้อย ต้องสัมพันธ์กับชื่อเว็บ เวลาที่ประชาสัมพันธ์จะง่าย

]]>
Makky.in.th รองรับมือถือ Android-iPhone แล้วนะครับ http://makky.in.th/649/ Mon, 11 Jul 2011 16:58:01 +0000 http://makky.in.th/?p=649

ส่วนตัวให้ความสำคัญกับการเข้าเว็บบนมือถือมาก บล็อกส่วนตัวผมก็รอบรับการเข้าชมผ่านมือถือมานานแล้วแต่เพิ่งจะมาปรับปรุงให้เมาะสมอย่างจริงจัง  หลังจากเมื่อวันก่อนได้ปรับปรุงเว็บในเครือของ Maahalai.com ให้รองรับมือถือแล้ว เล่นเอาเหนื่อยพอสมควร เพราะมีหลายบล็อก

สำหรับเบื้องหลังการทำเว็บให้รองรับมือถือ คือ เว็บผมเป็นระบบ WordPress แล้งลงปลั๊กอิน Wptouch ก็จะรองรับ iPhone และ Android ได้ทันที  แต่สำหรับมือถือ BB เหมือนจะยังมีปัญหา

ถ้าย้อนไปสักเมื่อต้นปีที่แล้ว ช่วงนี้ผมเพิ่งก้าวสู่การเป็นเว็บมาสเตอร์  ในช่วงนั้น มือถือสมาร์ทโฟนยังไม่เป็นที่นิยมมากมาย ผมมองจากคนรอบข้าง พ่อ แม่ น้อง เพื่อน แต่มีผมคนเดียวที่เลือกมือถือที่มีระบบปฏิบัติการ และจากการใช้สมาร์ทโฟนบวกกับทำเว็บรีวิวแอพบนมือถือ ทำให้เริ่มเล็งเห็นความสำคัญของการดูเว็บบนมือถือ

วันนี้เพื่อนหลายคนผมใช้มือถือสมาร์ทโฟน รวมทั้งพ่อและน้อง บนเฟสบุ๊คก็พบว่าหลายคนใช้สมาร์ทโฟน เล่นเฟส และมีหลายคนที่อยากจะเล่นเกมส์บนมือถือสมาร์ทโฟน

อย่างไรก็ตามหลายๆเว็บยังไม่ได้รองรับการใช้งานบนมือถือ อาจเพราะความยุ่งยากของระบบ แต่สำหรับเว็บในเครือของผมจะผลักดันให้รองรับการเข้าชมบนถือให้ได้มากที่สุด

]]>
เครื่องมือและโปรแกรมทั้งหมดที่ผมใช้ทำเว็บ http://makky.in.th/645/ Mon, 11 Jul 2011 15:10:37 +0000 http://makky.in.th/?p=645 อันที่จริงคอมหนึ่งเครื่อง โปรแกรมเวิร์ดเพรส บราวเซอร์เจ๋งๆ และเน็ตแรงๆ ก็เพียงพอต่อการทำเว็บแล้ว …แต่ทว่าเว็บผมมีหลายบล็อก หลายเรื่องราว มีการสื่อสารกับแฟนเว็บ ที่สำคัญตามข่าวให้ทัน  อัพเดทฉับไว และต้องอัพเดททุกวัน  จำเป็นต้องใช้หลายๆอย่างผสมผสานกัน เพื่อความสะดวกในการทำเว็บ

คอมพิวเตอร์

เครื่องคอมผมเป็นโน๊ตบุ๊ค ค่อนข้างหนักเลยทีเดียว เกือบสามกิโล หน้าที่ของมันคือใช้ทำเกี่ยวกับระบบเว็บ ออกแบบ อัดเดทบทความความ  ผมใช้คอมเครื่องนี้ทำงานหลักๆเกี่ยวกับเว็บทั้งหมด  ส่วนใหญ่ใช้ทำงานอยู่ที่ห้อง

โปรแกรมคอมพิวเตอร์

โปรแกรมสำคัญๆที่ผมขาดไม่ได้เลยได้แก่

  1. Photoshop แต่งรูป ใช้กับงานยากๆ
  2. PhotoScape  แต่งภาพเช่นกัน เป็นงานง่ายๆ
  3. Google Chrome เว็บบราวเซอร์ที่จัดการเว็บได้อย่างดีเยี่ยม ที่สำคัญมี Extension เจ๋งๆให้เลอกมากมาย
  4. Windows Live Writer เอาไว้เขียน HTML แต่ก่อนเคยใช้เขียนบล็อก แต่มันมีปัญหาสร้างไฟล์ซ้ำซ้อน หนักโฮสเปล่าๆ
  5. WordPress โปรแกรมสร้างเว็บ เกือบทุกเว็บผมใช้ WordPress

มือถือ

ผมใช้ Android เน้นๆว่าถ่ายรูปสวย และใช้เช็คเมล์  ตอนนี้เว็บผมก็อัพเดทให้มือถือเข้าดูได้ ในบางครั้งจึงเข้าไปตอบคำถามด้วยมือถือนี่หล่ะ  แต่ที่สำคัญมือถือทำให้ผมติดตามข่าวสารได้ทุกที่ที่มี Edge

iPad

อุปกรณ์นี้ช่วยอะไรผมได้เยอาะเลย โดยเฉพาะการเขียนบล็อก เวลาได้ไอเดียใหม่ๆ ผมจะไม่จดใส่สมุด แต่จะจดใส่ iPad  ส่วนใหญ่จะร่างเป็น Draf แล้วค่อยสงเมล์เข้าคอม เพื่ออัพเดทบล็อก  ข้อดีอีกอย่างของมันคือพกพาสะดวก  ทำให้เขียนบล็อกได้หลายท่า นอนเขียนได้สบายๆเวลาเหนื่อย

]]>
บล็อก VS บอร์ด http://makky.in.th/607/ http://makky.in.th/607/#comments Sun, 26 Jun 2011 16:30:42 +0000 http://makky.in.th/?p=607

ก่อนที่ผมจะหันมาทำเว็บ ยอมรับเลยว่าแยกแยะสาระบนเว็บไม่เป็นเลยว่า อันไหน “จริง” อันไหน “เทียม”  ของจริงในความหมายผมคือ เนื้อที่เขียนขึ้นมาเอง จากเว็บนั้นๆ  ของเทียมคือ เนื้อหาที่ไปลอกเขามา ไม่อ้างอิงที่มา เผลอๆมีการดัดแปลงจากต้อนฉบับ  ของเว็บฝรั่งมีเยอาะมาก ของเว็บไทยก็ไม่ใช่น้อย  ผลเสียที่เกิดขึ้นคือ ข้อมูลที่ได้มาอาจจะไม่ถูกต้อง เช่น เอาข้อมูลจริงมาดัดแปลงบางส่วน หรือก็อปมาไม่อ้างเครดิต แล้วถ้าไปคอมเม้นถาม ก็อาจจะไม่ได้รับการตอบกลับ เพราะเป็นข้อมูลคนอื่น

เว็บบอร์ดไทยส่วนใหญ่ เท่าที่สังเกตจะเป็นข้อมูลเทียม คือไปเอามาจากเว็บหรือจากบล็อกต่างๆ มารวมๆเป็นเนื้อหาในบอร์ดของตัวเอง หลายเว็บผมเห็นไม่มีการอ้างอิงที่มา  แม้แต่เว็บผมเอง บางอันโดนก็อปไป แล้วไปลบแบนเนอร์เว็บออก  บางเว็บภาพเขามีแบนเนอร์อยู่แล้ว ก็เอาแบนเนอร์ตัวเองไปใส่ทับซ้ำ  ผมว่ามันเป็นการกระทำที่น่ารังเกียจมาก

แต่เว็บบอร์ดดีๆก็มีไม่น้อย และองค์ความรู้หลายๆอย่างก็เกิดมาจากการสนทนา ถามกันไปมาในบอร์ด เมื่อมีคนเข้ามาตอบก็กลายเป็นความรู้ใหม่ ของคนที่เข้ามาอ่าน บางบอร์ดมีการแชร์ประสบการณ์จริงๆ จากสมาชิก  ผมล่ะคนหนึ่งที่เลือกเข้าบอร์ดเวลามีปัญหา

ส่วนเว็บบล็อก นั้นดูไม่ยากว่าบล็อกไหนของจริง เขียนเอง สังเกตจากภาษาที่ใช้ เนื้อหาที่เขียน หลายๆเรื่องมันบอกถึงตัวตนของเจ้าของบล็อกนั้นๆ  และที่สำคัญ บล็อกไหนเขียนเอง สังคมจะให้การยอมรับ มีการบอกต่อ ผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ครวมทั้งเป็นที่ยอมรับของคนในแวดวงนั้นๆ เช่น ไอที มือถือ ประวัติศาสตร์ การทำอาหาร เป็นต้น

แต่เว็บบล็อกเทียมๆก็มีเยอาะ บางเว็บลอกเขาทั้งดุ้น ไม่มีเขียนเอง เว็บเทียมๆส่วนใหญ่ เขาจะใช้บริการของ Blogspot เป็นบล็อกใช้ฟรี และใช้งานง่ายมากๆ ผมเองก็เริ่มต้นจากการบล็อกเกอร์ด้วย Blogspot  ทีนี้แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าเขาก็อป หรือเป็นคนเขียน  ดูง่ายๆถ้ามีอ้างอิงตอนท้าย ก็แปลว่าเอาของคนอื่นมา แต่บางบล็อกลอกมาแบบไม่ให้เครดิตอันนี้ก็ดูยาก  แต่อาจจะดูจากภาพรวมของบล็อก…ซึ่งมันก็ดูยากนะ  ผมอธิบายวิธีดูไม่ถูก

คราวนี้มาดูความต่างของบล็อกกับบอร์ด  บล็อกส่วนใหญ่จะเขียนคนเดียว เขียนไม่กี่คน แต่บล็อกไอทีหลายๆบล็อก ร่วมกันเขียนหลายคน และเป็นข้อมูลต้นฉบับหรือเป็นข้อมูลที่แปลโดยเขียนเป็นภาษาตัวเอง ส่วนบอร์ด ส่วนใหญ่คือเขียนกันหลายคน มีข้อมูลที่เขียนเองบ้าง ก็อปมาบ้าง ปะปนกันไปหมด แยกแยะได้ยาก แต่บอร์ดไหนบอร์ดคุณภาพ สังเกตได้จากเมื่อไปตั้งคำถาม แล้วจะมีผู้รู้มาช่วยกันตอบ

ความต่างอีกอย่างระหว่างบล็อกกับบอร์ด คือ บล็อกที่เขียนคนเดียว ส่วนใหญ่จะมีการเปิดเผยตัวตนเจ้าของบล็อกผ่าน Facebook หรือ Twitter  แต่บล็อกที่ไปลอกเขามา หลายๆบล็อกไม่แสดงตัวตนว่าใครเป็นเจ้าของ

สรุปความต่างของทั้งสอง จะส่งผลต่อการค้นหาข้อมูล ตามเว็บว่า เราจะได้ข้อมูล จริง หรือ เทียม มาใช้อ้างอิงงาน  เพราะถ้าอ้างอิงไม่ถูกจะส่งผลเสียต่อเจ้าของผลงาน หรือแม้แต่ตัวคุณเอง ที่อาจได้ข้อมูลมั่วๆมาอ้างอิงรายงานของคุณ ในทางตรงกันข้าม ถ้าคุณได้ข้อมูลที่บล็อกนั้นเขียนเอง หรือจากเจ้าของผลงานโดยตรง งานของคุณจะมีความน่าเชื่อถือ  ถูกยอมรับว่าได้ข้อมูลจริงๆมา

]]>
http://makky.in.th/607/feed/ 14
ตกงานก็สร้างงานเอง http://makky.in.th/47/ http://makky.in.th/47/#comments Mon, 25 Oct 2010 19:35:19 +0000 http://makky.in.th/47 ตอนนี้แม้ว่ายังเรียนโทพิพิธภัณฑ์ที่มหิดลยังไม่จบ และยังไม่ได้งานทำ แต่ใช่ว่าจะยอมแพ้กับชีวิต ไม่มีใครรับทำงานก็สร้างงานเองเลยสิ และกำลังเดินหน้าทำงานอย่างเต็มรูปแบบตอนนี้ก็รับทำ PowerPoint เจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลางไปจนถึง Premium และอีกงานคือรับทำเว็บไซท์ และอัพเดทคอนเทน(เนื้อหาเว็บ)  ตอนนี้กำลังคำนวนค่าแรงและออกแบบการคิดค่าแรงใหม่ เพรารูเแล้วว่าหลายๆงานนั้นทำเกินกำลังจะรับได้จริงๆ

สำหรับลูกค้าเก่าก็ไม่ได้ลืมบุญคุณ แต่จะทดแทนด้วยการคิดราคาแบบเดิมให้ เพราะเงินที่ได้มาพัฒนางานและพัฒนาเว็บไซท์ส่วนใหญ่ก็มาจากเงินลูกค้าเก่านี้แหล่ะ  ส่วนราคาใหม่แน่นอนว่าจะแพงขึ้นปรับราคาให้เหมาะสมกับงนที่ทำ

สุดท้ายตอนนี้เหลือเวลาอีกแค่ 30 นาทีก็จะตีสามแล้ว ก็ปั่นงานชิ้นสุดท้ายเพื่อส่งลูกค้าวันพรุ่งนี้ก่อนเที่ยงซึ่งก็ตกปากรับคำเขาไปดิบดี เพื่อให้เขาอุ่นใจและเชื่อมั่นใรเราและในแบรนด์ใหม่ที่จะสร้างคือ DesignZa นึกถึงงานศิลบนออฟฟิคต้องนึกถึง DesignZa สินะ

]]>
http://makky.in.th/47/feed/ 5