เหตุผลที่เลือก OPPO F1

• ราคาต่ำกว่าหมื่น
• หน้าจอ 5.0 นิ้ว
• ซีพียู Snapdargon 8 คอร์ และแรม 3GB
• กล้องดี
• วัสดุโลหะ อันนี้เน้นเป็นพิเศษ เพราะจะไม่ใช้มือถือพลาสติกอีกแล้ว
• OPPO มีรอมพิเศษชื่อ Project Spectrum ที่เป็นรอม Android แบบเพียวๆ

ข้อสุดท้ายเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เลือกใช้ OPPO เพราะผมต้องการสมาร์ทโฟนที่มีรอมอื่นๆให้ลง ตอนแรกผมอยากได้พวก Samsung กับ HTC เพราะในต่างประเทศยี่ห้อนี้เขามีรอมให้เล่นเยอะ

แต่พอ OPPO มี Project Spectrum และเครื่องสเปคดีที่ราคาต่ำกว่าหมื่น ผมเลือกเอาเครื่องนี้เลย ..แต่ว่าคงอีกนานนะถึงจะลงรอมใหม่ ใช้เบื่อแล้วค่อยลงครับ และตอนนี้ยังไม่มีรอมใหม่สำหรับรุ่น F1

สิ่งที่ทำให้อึดอัด

คิดว่าคงไม่เกิน 1 ปีจะได้ซื้อมือถือ Android เครื่องใหม่อีกครั้ง สเปคมันดีแต่อยู่หรอก ..แต่มันไม่สุด เช่น ไม่มี NFC ไม่มีสแกนลายนิ้วมือ และชาร์จไว สามอย่างนี้เป็นฟีเจอร์ของสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่เลยนะ 

แต่คงไม่รีบที่จะซื้อใหม่หรอกนะ ผมต้องใช้ OPPO F1 ให้คุ้มก่อน เพราะมันไหลลื่น ใช้มาเดือนกว่าลงแอพไปตั้งมากมาย ยังไม่มีอาการแปลกๆให้เห็น

สรุปแล้วดีไหม ?

เหมือนกับที่จั่วหัวไว้ มันดี ซื้อมาตอนนั้น 8,900 บาท ตอนนี้ลดเหลือ 7,990 บาท ก็ยิ่งคุ้มขึ้นไปอีก หากย้อนเวลากลับไปได้ ก็คงเลือกซื้อเครื่องนี้เหมือนเดิม ไม่เสียดายที่ซื้อไป

เครื่องที่อยากได้ในอนาคต

ถ้าผมจะซื้อเครืองใหม่ ขอเป็นอะไรก็ได้ที่เป็นยี่ห้อ Samsung แล้วกัน เพราะมีคนใช้ยี่ห้อนี้เยอะ ที่เลือกยี่ห้อนี้ผมจะได้เอามาเขียนวิธีใช้งานการตั้งค่าและระบบต่างๆของซัมซุง

เกี่ยวกับวิธีใช้ OPPO ผมก็เขียนวิธีใช้งานต่างๆไว้ที่ > http://android.maahalai.com/category/oppo/

ตอนนี้สัมผัส Samsung Note 2 มาเป็นวันที่สาม มีทั้งส่วนที่ผิดหวังและสมหวัง …ที่ผิดหวังคือ S-PEN ไม่เหมาะกับการวาดรูปที่ “จริงจัง” คือเอามาวาดเล่นๆ มันก็สนุกดี แต่ถ้าเอามาวาดสวยๆ ผมว่ายังยาก เพราะปากกามันลื่นเกินไป ปกติผมวาดรูปบน iPad ปากกามันไม่ลื่นเท่า S-PEN แต่ว่าแม่นยำดี ลายเส้นปราณีตกว่า และที่สำคัญ iPad มีแอพวาดรูปดีๆให้ใช้เยอะมาก ในขณะที่ Android ไม่ใช่อย่างนั้น ดังนั้น ปากกา S-PEN จึงเหมาะกับเอามาใช้ S-NOTE มากกว่า เพราะมีแอพอื่นรองรับไม่มาก

[[ ผมตั้งกลุ่มผู้ใช้ Samsung Note บนเฟสบุ๊ค สนใจร่วมกลุ่ม > Galaxy Note Club Thailand ]]

Home Screen
ลองใช้ธีมอื่นแล้ว สุดท้ายกลับมาตายรังที่ TouchWiz เพราะเป็นธีมที่ใช้ S-PEN ได้ดีที่สุด

กล้อง
ผมรู้สึกว่าคุณภาพไม่ค่อยดีนะ เข้าใจว่าไม่จุดขายของ Note แต่ไม่นึกว่าจะแย่ขนาดนี้ …คือมันไม่คมชัดเท่าที่ควร

S-PEN
ลื่นมาก เขียนง่าย แต่ชอบมีปัญหากับขอบจอ ขนาดว่าไม่ได้ใส่เคสอะไร …เอาปากกาอื่นเขียนขอบจอไม่เห็นจะเป็นปัญหา

S-NOTE
เป็นของที่คู่มากับ S-PEN วาดสนุกมาก สร้างสรรค์งานได้หลายแบบ แต่ผมเอามาวาดเล่นเสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่ได้คิดว่าจะเอามาทำงาน

Android 4.1
ถือว่าพอดีใช้เลย แม้จะไม่ใช่รุ่นใหม่ล่าสุดก็ตาม

S-Voice
ทำงานดี แต่ทำงานช้ามากเมื่อเทียบกับ Siri

S Suggest
เป็นคุณสมบัติที่น่าสนใจ แต่ในหมวดแนะนำแอพสำหรับใช้กับ S-PEN ผมรู้สึกว่ายังทำได้ไม่ดีพอ หลายตัวมันแค่ใช้วาดรูปได้ แต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะทำงานร่วมกับ S-PEN ได้เต็มประสิทธิภาพ

ขนาดจอ
มือเดียวถือสบายเลย แต่ถ้าจะเล่นมือเดียวไม่ได้ ต้องไปตั้งค่า และถ้าจะกลับมาเล่นสองมือต้องกลับไปตั้งค่าอีก …ผมเล่นสองมือดีกว่า

แบต
ถือว่าทนอยู่นะ จอใหญ่ก็จริง แต่เขาให้แบตมา 3,100 อยู่ได้ทั้งวัน

ความไหลลื่น
เกิดอาการค้างและปิดตัวกับบางแอพเท่านั้น การใช้งานอื่นๆ ไหลลื่นดี

แกลเลอรี่
เป็นอะไรที่ห่วยแตกที่สุดในโลกที่สาม เมื่อไม่สามารถลบภาพที่ซิงค์จาก Picasa ได้

Samsung App
ดูดีกว่าแต่ก่อนอยู่ แต่แอพยังน้อย …ต่อให้ไม่มี Samsung App ก็อยู่ได้

ทำงานสองหน้าจอ
ไม่ค่อยได้ใช้งานเลย แต่วิธีทำง่ายมาก

NFC กับ S Beam
ยังไม่มีโอกาสได้ใช้เลย คือยังไม่รู้เลยว่าจะมีโอกาสได้ใช้รึปล่าว

สรุป
เอามาวาดรูปเล่นๆได้ วาดสนุกดี เขียนก็ลื่น แต่จะเอามาวาดแบบมืออาชีพนั้นทำได้ยาก ปากกาเหมือนจะลื่นเกิน มือไม่นิ่งก็ลำบาก …ส่วนการใช้งานทั่วไป เหมือนๆกับ Android รุ่นท็อป ติดอยู่ที่กล้องทำได้ไม่สมกับเป็นมือถือรุ่นท็อป

แต่ก่อน….เวลาที่ผมจะเอาไฟล์เอกสารไปปริ๊นที่ร้าน จะเอาไฟล์ใส่มือถือ Android ใช้เป้น USB ได้เลย แต่ iPad จะทำหน้าที่นี้ไม่ได้ เพราะไม่มีระบบจัดการไฟล์  แต่สามารถถ่ายโอนไฟล์หากันได้ผ่าน Dropbox ซึ่งเป็นระบบฝากและจัดการไฟล์แบบ Cloud …ดันั้นการที่มือถือ Android จะทำงานร่วมกับ iPad ได้ ก็ต้องอาศัยระบบ Cloud เข้าช่วย

ถ้าดูตามภาพ น่าจะพอมองออกว่า Cloud เป็นตัวกลางในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ หรือคิดง่ายๆ มันคือ USB ออนไลน์ เวลาที่ผมจะส่งงานจากมือถือเข้า iPad ก็เอาไว้ที่ Cloud แล้วใช้ iPad โหลดอีกที และอุปรกรณ์อื่นๆ เช่น คอมพิวเตอร์ ก็ดาวโหลดงานได้จาก Cloud …สรุปคือฝากไฟล์ไว้กับ Cloud ทุกอุปกรณ์สามารถดาวโหลดได้

แอพที่นิยมใช้เป็น Cloud คือ Dropbox รองรับการทำงานแทบทุกอุปกรณ์ท่องเน็ตได้ ทั้งมือถือ iPad และคอมพิวเตอร์ผมมี Dropbox เป็นตัวกลาง ตัวอย่าง  มีไฟล์ Powerpoint จากลูกค้าส่งเข้าอีเมล์ แล้วใช้ iPad แก้งานเสร็จส่งขึ้น Dropbox แล้วถ้าวันหนึ่งจะดูไฟล์ Powerpoint บนมือถือ ก็โหลดจาก Dropbox ได้เลย

นอกจากการทำงานผ่าน Cloud ซึ่งเป็นการทำงานได้ในระยะไกล ยังสามารถใช้ Wifi ส่งข้อมูลหากันได้ เท่าที่ทราบคือส่งไฟล์ภาพหากันได้ ผ่านแอพ Photo transfer มีให้โหลดทั้ง Android กับ iOS  ..ใช้แอพตัวนี้ หลังจากถ่ายรูปบนมือถือเสร็จ ก็เอามาเก็บไว้บน iPad ได้เลย และ iOS 5 เวอร์ชั่นล่าสุดสามารถสร้างอลบั้มภาพได้เอง  …ผมใช้มือถือเป็นกล้องถ่ายรูปและ iPad เป็นอลบั้มภาพ

ส่วนการทำานด้านอื่นๆที่พอเชื่อมโยงหากันได้ ผมทำงานผ่านบริการต่างๆจาก Google เช่น Google doc, Google Maps, Picasa, ปฏิทิน ฯลฯ ตัวอย่าง ทั้งบน iPad และ Android สามารถเชื่อมปฏิบัติเข้าหากันได้  บน Android ต้องใช้ Gmail จาก Goolge อยู่แล้ว ส่วนบน iPad เข้าไปตั้งค่าเพิ่มเติมในปฏิทินนิดหน่อย  เมื่อเรามีการบันทึกการนัดหมายล่วงหน้าต่างๆ ก็สามารถดูบันทึกได้ทั้งสองอุปกรณ์พร้อมกัน โดยการบันทึกไว้ใน Android หรือ iPad ทั้งสองก็เชื่อมโยหากันอยู่แล้วผ่านเน็ต

สรุปทั้งสองระบบมีความต่าง การจะทำงานร่วมกันได้ ต้องอาศัยตัวกลาง ในการเชื่อมต่อ แล้วในโลกยุคใหม่จะมี Cloud ที่ช่วยเชื่อมต่อระบบที่แตกต่าเข้าหากัน ไม่ว่าจะเป็น BB iPhone Android Windows ก็จะสามารถทำงานร่วมกันได้

ถ้าได้สำรวจ Android Market จะพบว่ามีเกมส์ให้เลือกเล่นเยอาะมาก แต่เทียบกับ Apple Store แล้ว Android มีเกมส์น้อยกว่า แต่ก็เพียงพอสำหรับนักเล่นเกมส์ โดยจุดเด่นของ Android จะอยู่ที่มีเกมส์แนว 18+ รวมอยู่ด้วย

เครื่องที่เหมาะสำหรับเล่นเกมส์ ควรจะเป็นจอมัลติทัช คือสัมผัสหน้าจอได้หลายจุดอย่างสมบูรณ์ 2 จุด พอใช้ได้ ถ้าจะให้ดีควรเป็นจอที่สัมผัสได้ตั้งแต่ 4 จุดขึ้นไป  คือแม้ตอนเล่นจะเล่นแค่สองนิ้วก็ตาม แต่บางเกมส์มันจะมีจังหวะที่ต้องกดรัวๆ แล้วมือถือที่สัมผัสได้หลายจุดจะทำได้ดีกว่า เช่นเกมส์ฟุตบอล

ขนาดของหน้าจอ ถ้ายิ่งกว้างก็ยิ่งเล่นได้สนุก  เพราะสัมผัสง่ายเห็นรายละเอียดเกมส์ได้เยอาะ ไม่มีปัญหานิ้วบังจอ มือถือจอเล็กก็ใช้เล่นได้เหมือนกัน  แต่ถ้าเป็นมือถือที่มีแป้นพิมพ์คล้ายบีบี อันนี้เล่นได้ไม่กี่เกมส์ และไม่เหมาะที่จะเอามาเล่นเกมส์เลย

เกมส์ดีๆส่วนใหญ่ จะเป็นเกมส์ที่ต้องเสียตังค์ซื้อมาเล่นนะ แต่การเสียเงินไม่ใช่เรื่องใหญ่ถ้ารู้จักความพอดี คือก่อนที่จะตัดสินใจซื้อเกมส์ ภาพประกอบอาจจะไม่ทำให้เห็นชัดเท่าไหร่ แนะนำให้เข้า Youtube แล้วค้นชื่อเกมส์เผื่อจะมีคนเคยรีวิว หรืออ่านจากคอมเม้นก็พอจะทราบได้ว่าน่าเล่นหรือไม่ แต่เกมส์ฟรีดีๆก็มีให้เล่นอยู่ เช่น Angry Birds, Army Sniper, Glow Hockey, ZENONIA® 3, Ninja Rush ฯลฯ

ถ้าเป็นคอเกมส์ฟุตบอล Android ไม่ใช่ทาเลือกที่ดี แต่ถ้าเกมส์แข่งรถ เล่นไพ่ ผจญภัย ก็มีหลายเกมส์ให้เลือกเยอาะอยุ่ รวมทั้งเกมส์ 3D อื่นๆ แต่ข้อเสียของความเป็น Android คือปัญหา Fragment คือสเปกเครื่องถึงแต่บางครั้งเล่นไม่ได้ บางเครื่องมีปัญหากับเกมส์แล้วไม่ได้รับการแก้ไข เป็นเพราะมือถือ Android มีเป็นพันรุ่น มีหลากหลายรอม  แต่นักพัฒนามีใช้อยู่ไม่กี่เครื่อง

ทุกเกมส์นั้นล้วนสูบแบต เพราะระบบ Android ทำงานหนักเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว  แต่ถ้าคุณเป็นนักเล่นเกมส์ ชอบเล่นเกส์ฆ่าเวลา อาจจะในระหว่างการเดินทาง ผมแนะนำให้ซื้อแบตมาสำรองไว้ จะได้เล่นเกมส์อย่างหายห่วง

สรุป

ถ้าคุณเป็นคอเกมส์สมาร์ทโฟน Android ไม่ใช่ทางเลือก ที่ดีที่สุด ถ้าชอบเล่นเกมส์แนะนำให้ซื้อ iPod touch หรือ iPad ไปเลย เอาไว้เป็นอุปกรณ์เสริม ส่วน Android เอาไว้ถ่ายรูป เล่นแอพ ดูหนัง ฟังเพลง ฯลฯ  แต่ถ้าคุณเป็นสาวก Android ชนิดที่ว่ารักไม่ยอมเปลี่ยนแปลง ต้องยอมรับสภาพหน่อยว่า “เกมส์เจ๋งๆนั้นมีไม่เยอาะเท่า Apple App Store”

อันดับแรกคือ Widget อันไหนที่ดูแล้วเกินความจำเป็น ก็เอาออกซะ Widget ที่ใช้งานหนักๆมักจะเป็นพวกพยากรณ์อากาศ และฟีดข่าว  อีกอย่างคือ Wallpaper ควรใช้ภาพนิ่งธรรมดา ใช้ภาพเคลื่อนไหวแบตลกเร็วแน่นอน

Home ที่ใช้คืออะไร ใช้ที่มากับเครื่องหรือดาวโหลดมาจาก Market ถ้าใช้ Home ที่มากับเครื่องโดยมากจะมีความสเถียรในตัว แต่ถ้าดาวโหลดมาติดตั้งใหม่ ต้องคอยสังเกตเอาเองว่าการทำงานเครื่องหนักขึ้นหรือไม่

“3G Wifi บลูทูธ GPS” เหล่านี้คือตัวสูบแบตชั้นเยี่ยม 3G/Wifi แนะนำให้ปิดตอนนอนหรือตอนที่ไม่ได้ใช้งาน  ส่วนบูทูธกับ GPS ควรปิดทุกครั้งหลังจากใช้เสร็จ  และอีกอย่างคือ ความสว่าง บางจะหว่ะไม่ควรเปิดสว่างเกินไป เช่น ถ้าอยู่ในที่ที่มีแสงน้อย ก็ไม่ต้องใช้ความสว่างมาก ใน Widget ควบคุมพลังงานจะมีให้ปรับอยู่ 3 ระดับ  หรือจะปรับเองก็เข้ามาตั้งค่าความสว่างหน้าจอ

เสียงเรียกเข้าดังเกินไปหรือไม่ ระบบสั่นมีความจำเป็นไหว และหลายเครื่องจะตั้งให้มีการสั่นเวลากดปุ่มเมนู ถ้าไม่ชอบก็เข้าไปตั้งค่าเสียง

หลังจากที่เล่นแอพเสร็จ แอพบางตัวจะยังทำงานอยู่ ให้ใช้ Task Manager ปิดการทำาน จะช่วยลดภาระการทำงานของเครื่องได้

สรุป

แนวทางที่ผมนำเสนออาจสวนทางกับการใช้สมาร์ทโฟนของใครหลายคนอยู่ โดยเฉพาะคนที่ชอบแต่หน้าโฮม …ถ้าชอบก็ทำมันต่อไป อย่าให้เรื่องแบตมาทำให้ความสนุกของการใช้ Android ลดน้อยลง  แต่ยังพอมีทางเลือกสำหรับคนชอบแต่งหน้าโฮม คือให้ใช้อย่างน้อย 2 โฮม โฮมแรกให้จัดหนักตามสไตล์การใช้งาน  อีกโฮมหนึ่งก็จัดให้ดูเรียบง่าย พร้อมสำหรับการประหยักแบต เช่น เมื่อต้องเดินทางไปข้างนอก การทำให้เครื่องสูบแบตไปตลอดทางไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก

สำหรับคนที่ชอบถ่ายรูป ถ้าจะได้ไปเที่ยวถ่ายรูปบ่อยๆ แนะนำใหซื้อแบตมาไว้อีกก้อนเลย จะได้หมดห่วงและถ่ายรูปได้อย่างสบายใจ แต่ควรจะซื้อแบตแท้มาใช้คือแบตที่มาจากผู้จำหน่าย  …การซื้อของจีนแดงมาใส่จะมีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้เครื่องพัง

วิธีเล่นให้ติดตั้ง Flash 11 ก่อน แล้วลงแอพ Opera browser โดยเปลี่ยนโหมดบราวเซอร์ให้เป็นแบบ Desktop ก่อนจะเข้า Facebook แล้วเข้าเกมส์อีกที เกมส์ที่ลองเล่นคือ แฮปปี้คนเลี้ยงหมู เดอาะซิมส์โซเชียล ผลที่ได้คือก็เล่นเกมส์ได้ …แต่ค่อนช้าและกระตุกบ้างเล็กน้อย เล่นบนคอมยังมีกระตุกเลย

แล้วสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆจะเล่นเกมส์ Facebook ได้มั้ย !?! ตอบว่าได้ครับ แต่ต้องเป็นมือถือทีรองรับ Flash Player 10 ส่วนใหญ่จะเป็นมือถือที่มี CPU ระดับ 1 GHz ขึ้นไป …มือถือเสปคระดับนี้โดยมากจะเป็นมือถือ Android และมือถือระบบอื่นอย่าง BB Windows ถ้าลง Flash 10 ได้ก็น่าจะเล่นได้  ส่วน iPhone เล่นไม่ได้

สรุป

ตามที่กล่าวไว้ในตอนต้น สมาร์ทโฟนไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อเล่นเกมส์ Facebook เครื่องที่ผมใช้ลองสเปคก็แรงพอตัวนะ แต่พอได้ลองเล่นจริงๆ รู้สึกว่าเครื่องจะไม่ไหว เล่นแป็บเดียวเครื่องก็ร้อน เพราะ Flash ทำให้เครื่องทังานหนัก  ดังนั้น ผมว่าถ้าจะเล่นเกมส์ Facebook เล่นบนคอมจะดีกว่า เพราะเกมส์มันก็ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้เล่นมือถือ ไม่ว่าจะเป็น iPhone BB Android ต่างก็มีเกมส์ให้ดาวโหลดมาเล่นอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมาแสวงหาความสนุกจากเกมส์บน Facebook

เป็นธรรมชาติของคนที่จะซื้ออะไรสักอย่าง แล้วมักจะมีการเปรียบเทียบอยู่เสมอ แม้แต่จะซื้อสมาร์ทโฟนหรือแท็ปเลทก่อนบางทียังต้องคิด บางคนถามผม และหลายคนนำไปตั้งเป็นกระทู้  แท็ปเลทหรือสมาร์ทโฟน ?

ทั้งสองอย่างมีบางอย่างเท่านั้นนะที่ใช้งานคล้ายๆกัน คนที่ลังเลส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ใช้มือถือธรรมดาแล้วจะเแลี่ยนมาใช้สมาร์ทโฟน แต่การเกิดขึ้นแท็ปเลท ทำให้เป็นตัวเลือกในการตัดสินใจ   ทั้งๆที่ส่วนที่ต่างกันชัดการคือ “ขนาด” และ “การพกพา”

แท็ปเลทส่วนใหญ่มีขนาด 7-10 นิ้วขึ้นไป แต่มันจะบางแค่ไหน ผมว่ามันก็ยังไม่เหมาะที่จะพกพาไปไหน พกติดตัวก็ไม่สดวกเท่าไหร่ แม้ว่าเครื่อง 7 นิ้วด้วยก็ตาม การที่จะพกแท็ปเลทขนาดนี้ไปไหนมาไหน ให้ดูสไตน์การแต่งตัว  ถ้าเสื้อยืดกางเกงยีน จะพกแท็บเลทไปลำบาก สมาร์ทโฟนจะเหมาะมือกว่า เพราะใส่กระเป๋าไปได้ ด้านการใช้งาน

ถ้าต้องทำอะไรที่อึดๆ แท็ปเลทจะทำได้ดีกว่า ดูหนัง ฟังเพลง งานหนักๆอย่างอื่น ทำเอกสาร งานดนตรี สิ่งเหล่านี้แท็ปเลทเป็นรองคอมพิเตอร์  แต่ถ้าคุณชอบถ่ายรูป แชท เฟสบุ๊ค-ทวิทเตอร์ การใช้สมาร์ทโฟนจะสดวกกว่านะ เพราะอยู่ไหนก็อัพเดทได้ แต่ถ้าทำงานอยู่บ้าน วันๆแทบไม่ได้ไปไหน ถ้าต้องเลือก ใช้แท็ปก่อนก็ดีนะ

รวมๆแล้วก็คือไลฟ์สไตล์ และความต้องการ สมาร์ทโฟนก็ใช้เล่นเกมส์ ฟังเพลง ได้ดีเช่นกัน อาจเล่นได้ไม่นานมาก เหมาะกับเอาไปฆ่าเวลา ระหว่างรอทานข้าว รอคิว รออะไรสักอย่างที่ใดก็ตาม ถ้ามีสมาร์ทโฟนไปด้วย สนุกได้ทุกที่  แต่ถ้าอยู่ที่บ้าน มือถือ จะกี่นิ้ว ก็จอเล็กอยู่ดี กลับจากทำงานต้องการพักผ่อน แล้วการที่ต้องเพ่งเล็งสายตาบนมือถือ มันดูไม่เหมาะนะ

…ถ้าต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งก่อน ก็ดูไลฟ์สไตล์คุณเองแล้วกัน ถ้าซื้อได้ทั้งสองพร้อมกัน จะเอาไปเลยทั้งสองอย่างก็ไม่มีปัญหา สุดท้าย อุปกรณ์ทั้งสองจะตอบโจทย์การใช้งานของคุณได้หรือไม่ สิ่งที่ต้องพิจารณาอีกอย่างคือ OS หรือระบบปฏิบัติการของเครื่อง ที่ผมแนะนำนะคือ Android กับ iOS ส่วนอื่นๆคือ Blackberry  Win7 Symbian(Nokia) ถือเป็นระบบทางเลือก

ในชีวิตผมเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือมา 8 ครั้งได้ โดนขโมยไปหนึ่งครั้งประมาณ 6 ปีก่อน เหตุเกิดที่หอพักตอนนั้นเผลอหลับโดยไม่ได้ล็อคประตูห้อง กล้องกับโทรศัพท์ 2 เครื่องหายไป รวมทั้งของเพื่อน แต่จนถึงวันนี้ยังไม่เคยโดนขโมยหรือทำโทรศัพท์หายเลย

ที่ขอออกมาเตือนกัน เพราะคนหันมาใช้สมาร์ทโฟน หรือโทรศัพท์แพงๆกันมากขึ้น เช่น BB iPhone ซึ่งของพวกนี้มันขายง่ายยิ่งกว่าทองเสียอีก แม้จะเปลี่ยของมือถือสองแต่ราคาก็หลายพันไปจนถึงระดับหมื่น กว่าๆ

ส่วนตัวผมเองพกโทรศัพท์ไปหลายๆที่ในกรุงเทพฯ รถเมล์ รถไฟฟ้า เรือ อนุเสาวรี สยาม และพื้นที่แออัดอื่นๆ ยังไม่เคยโดยล้วงเลย  แม้แต่กระเป๋าเงินและทรัพย์สินอื่นๆก็เถอาะนะ

แต่สำหรับหลายคน อาจจะใช้คำว่า…ดวง ก็ได้ เมื่อคราวซวยมาเยือนมันก็หนีไม่พ้น โดยจากข้อมูลตามเว็บบอร์ดที่แจ้งว่าโทรศัพท์ หลายคนโดนล้วง โดนวิ่งราวก็มี  เช่นนั่งกินข้าวอยู่ร้านริมถนนแล้ววางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ โดนฉกวิ่งราวไปก็มีมาแล้ว  กีดกระเป๋าเอาดทรศัพท์+เงิน หรือล้วงกระเป๋ากางเกงแบบนี้ก็มีบ่อย 

กลุ่มคนที่มีความเสี่ยงมากที่สุด น่าจะเป็นคนใช้ iPhone BB Android และ Symbian Hi-end โดยเฉพาะ iPhone BB เอาไปขายต่อง่ายกว่า

แล้วจะป้องกันกันอย่างไร

-  แนะนำให้ใส่เคส เพื่อให้โทรศัพท์ดูหนาขึ้น ถ้าใส่โทรศัพท์ที่กระเป๋ากางเกงมันจะคับขึ้น ล้วงยากขึ้น  …แต่ในทางกลับกัน จะกีดกระเป๋าง่ายขึ้น

– ล้วงกระเป๋าบ่อยๆ ไปไหนมาไหน คอยคลำดูว่าโทรศัพท์ยังอยู่ดีมั้ย

– เข้าพื้นที่เสี่ยงต้องระวัง เช่นบนรถเมล์ ที่ท่องเที่ยว ย่านที่มีคนพลุกพล่าน ตลาดนัด เป็นต้น ตามพื้นที่เหล่านี้โอกาสจะเจอมิจฉาชีพมีสูง

– ติดตั้งโปรแกรมตามหามือถือ ทั้ง iPhone BB Android  มีแน่นอน อาจจะใช้ไม่ได้ผล 100% แต่ก็ทำให้เรามีความหวัง ถ้าเกิดมือถือหายขึ้นมา  ส่วนจะเป็นโปรแกรมอะไรนั้น iPhone BB Android  แต่ละเครื่องจะมีไม่เหมือนกัน อย่าง iPhone จะมี Find my iPhone เครื่องอื่นๆลองไปศึกษาข้อมูลดูนะครับ

– จำหมายเลขเครื่องไว้ เมื่อมือถือหาย ก็ไปแจ้งศูนย์ ถ้าเป็น BB จะหาง่ายกว่าชาวบ้านหน่อย ตรงที่ เครื่องที่ถูกขโมย ถ้าถูกเปิดใช้ Pin ก็จะตามหาได้ง่ายๆ

สุดท้าย ก็อยู่ที่สติและความรอบครอบของเราเองล่ะครับ บางคนขนาดโน๊ตบุ๊ค กับ iPad ยังทำหายได้ โดยถูกขโมยนอกสถานที่ด้วยนะ ไม่ใช่ในบ้าน  ยกตัวอย่างง่ายๆ คือ โน๊ตบุ๊คที่หอสมุด ม.มหิดล หายประจำเลย โน๊ตบุ๊คเครื่องก็ใหญ่กว่ามือถืออีกนะ …แต่เพราะความประมาท ไว้ใจสังคมมากเกินไป  ความซวยมาเยือน ก็ช่วยไม่ได้