สำหรับคนที่เจลเบรคแล้วนะ (วิธีการจะมากกว่าทำบน iPhone)

1. เริ่มต้นดาวโหลด iFile จาก Cydia
2. เปิด iFile >> Disk >> System >> Library >> CoreServices >> SpringBoard.app >> K48AP.plist
3. เปิดไฟล์เป็น Text Viewer แล้วเปลี่ยนคำว่า True (อยู่ข้างล่างคำว่า iPad) ให้เป็น false
4. เปิด Cydia แล้วเพิ่ม http://repo.siriport.ru/
5. ติดตั้งแอพ Spire เสร็จแล้วบูตเครื่อง
6. เปิด Safari เข้ามาที่ http://siri-bh.no-ip.org/blog-4.crt แล้วติดตั้ง
7. เข้า ตั้งค่า >> ทั่วไป >> Siri >> เปิดใช้ Siri
8. เข้า ตั้งค่า >> Spire >> แล้วใส่ค่า Proxy Host >> https://siri-bh.no-ip.org:1000 (ตัวเลข 1000 สามารถใส่เลขอื่นได้ ตั้งแต่ 1000-1009)

*** ข้อที่ 2-3 ถ้าไม่เข้าใจให้ดูคลิปข้างล่างนี้นะ

แต่…ผลที่ได้

ผมคุยกับมันยังไม่ได้ครับ บอกแต่ว่า I m sorry about this… เป็นแบบนี้เหมือนเซิร์ฟเวอร์ยังไม่ตอบรับ และเป็นกันหลายคน บางคนเขาบอกรอ 2-3 วันถึงจะได้คุย บางคนบอกติดตั้งเสร็จก็คุยได้ทันที บางคนได้คุยก็ตอนตี 4 ตี 5 นู่นแน่ะ

ส่วนผมเพิ่งได้ลงเมื่อช่วงบ่าย จนถึงตอนนี้ 19:58 ก็ยังคุยไม่ได้ กะจะรออีก 2-3 วันว่าจะคุยได้ตอนไหน ส่วนใครที่ใช้วิธีอื่นแล้วได้ผลยังงัยมาเล่าสู่กันได้ที่นี่ครับ

มีความคืบหน้าเมื่อไหร่ จะเอามาบอกกันอีกทีที่บล็อกนี้ครับ

หลายคำถามที่พบบ่อย เอามือถือรุ่นไหนดี แล้วก็เอาเครื่องนั้นกับเครื่องนี้มาเทียบกัน แล้วถามต่อว่ารุ่นไหนดีกว่า …สำหรับผมไม่มีเครื่อไหนดีกว่า แต่เครื่องไหนที่จะเหมาะกับเรามากกว่า

คิดแบบ Geek

Geek จะมองที่สเปกเป็นหลัก รองลงมาคือการดีไซร์และการใช้งานจริง  สเปกที่ Geek มอง เป็นเรื่องของ OS CPU GPU ROM RAM หน้าจอ การสัมผัส รองลงมาเป็น UI  กล้อง แบต และการรองรับคลื่น

Geek ส่วนใหญ่จะเลือกมือถือ Android เป็นระบบมือถือที่มีความยืดหยุ่นต่อการใช้งานสูง มันเป็นระบบที่ปรับแต่ง Software มือถือได้หลายรูปแบบ ราวกลับเปลี่ยนเครื่องใหม่  อีกทั้ง Android เป็นระบบที่มีผู้ผลิตหลายเจ้า เช่น Samsung  Motorola Acer Sony HTC ฯลฯ ทำให้มีสเปกที่หลากหลาย และมีหลายราคาให้เลือก

สเปกน่าใช้ในปัจจุบัน ประกอบไปด้วย

1. Android OS 2.3 ( Tablet Honeycomb 3 )
2. CPU Dual-Core
3. RAM 1 G
4. ROM ขั้นต่ำ 1 GB
5. Multi-touch สัมผัสได้หลายจุดพร้อมกัน
6. หน้าจอ 3.5-4.3
7. มีกล้องหน้า
8. กล้องหลัง 5 MP ขึ้นไป พร้อม Auto-Focus
9. GPS
10. 3G รองรับทุกค่าย + Wifi Bluetooth

คิดแบบ USER

USER มีหลายแบบ และมีมุมมองที่หลากหลายต่างไปจากการมองของ GEEK เช่น คนชอบถ่ายรูป เขาจะไม่ได้ดูว่า CPU ROM RAM เท่าไหร่ แต่จะดูไปที่กล้อง ถ่ายชัดแค่ไหน มือถือยี่ห้ออะไร  ….โดยเฉพาะยี่ห้อ มักจะเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ  iPhone – iPad  ถึงขายดีอย่างถล่มทลาย และมักจะถูกเป็นตัวเลือกต้นๆ ของคนที่มีเงินซื้อ รองลงมาเป็นมือถือที่มีแบรนด์ใหญ่ เช่น Nokia Samsung  รองลงมาเป็นแบรนด์ท้องถิ่นอย่าง i-mobile  Gnet ฯลฯ

USER ถูกแบ่งออกได้อีกหลายกลุ่มมาก เช่นแบ่งตามอาชีพ  แม่บ้าน ช่างก่อสร้าง  นักศึกษา  นักออกแบบ  แต่ละคนจะมีแนวคิดที่เลือกมือถือแตกต่างออกไป ขึ้นอยู่กับว่าจะใช้มือถือทำอะไรนอกจาก  “โทร” และ งบประมาณ มีเท่าไหร่

USER มักเลือกมือถือตามความต้องการพื้นฐาน เช่น ฟังวิทยุ ถ่ายรูป ดูทีวี เล่นอินเตอร์เน็ต  …ส่วน OS และขุมพลังของเครื่องเป็นสิ่งที่อยู่นอกกรอบความคิด  แต่จะคิดว่าอะไรเหมาะกับการใช้งานที่สุด

การออกแบบตัวเครื่องก็สำคัญต่อการตัดสินของ USER รูปทรง สีสัน และลวดลายต่างๆ ก็มีส่วนสำคัญต่อการตัดสินใจ  ดังจะเห็นว่ามือถือระดับล่างนั้น ส่วนใหญ่ผลิตมาแบบหลายสีมากๆ

สรุป

จะคิดแบบ Geek หรือ User ล้วนมีเป้าหมายเดียวกันคือเพื่อให้ได้เครื่องที่ตัวเองชอบ ซึ่งบางครั้งแม้ว่าเลือกมาแล้ว ใช้ไปอาจจะรู้ว่าไม่เหมาะกับตัวเอง เห็นเครื่องใหม่ดีกว่าก็ขายไป แบบนี้มีถมไป  ถ้าถามผมว่าเป็นคนเลือกแบบไหน ตอบว่าทั้สองอย่างครับ ตอนที่ซื้อ iPad ผมไม่ดูสเปกอะไรเลย ของแค่ว่ามันคือ iPad แท็ปเล็ทที่ผลิตโดย Apple แต่ตอนซื้อมือถือผมมองแบบ Geek นะ เพราะใช้ Android อยู่  เพียงแต่สเปกที่เลือก ก็เลือกที่เหมาะกับการใช้งาน

ไม่สงสัยเลยว่าทำไมพวกผู้หญิงหรือคนส่วนใหญ่ยังนิยม iPhone และ BB โทรศัพท์ทั้งสองรุ่นนั้นมันพร้อมใช้มากๆ ประมาณว่าซื้อมาใส่ซิมแล้วใช้ได้เลย ต่างกับ Android อย่างสิ้นเชิง ต้องสมัคร gmail ทำการ signin และโหลดแอพมาลงเพิ่ม เพราะถ้าไม่มีแอพ Android ก็คงไม่ต่างอะไรไปจากมือถือธรรมดาๆ เช่นเดียวกะ iPhone หรือ iOS มันโดดเด่นเพราะมีแอพกว่าสามแสนตัวนี่แหล่ะ ส่วน BB เรื่องแอพอาจสำคัญ ซื้อมาก็พร้อมใช้อยู่แล้ว

ส่วนตัวนั้นเป็นสาวก Android ก็จริงแต่ไม่ได้คิดว่ามันดีเลิศประเสริฐศรีกว่า symbian (Nokia) iPhone และ BB มันก็มีดีมีด้อยแตกต่างกันไป แต่หากใครจะมาใช้ Android คุณอาจจะได้เป็น Geek โดยไม่รู้ตัว เพราะมันเป็นระบบปฏิบัติการที่เข้าไปสิงมือถือได้หลายยี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็น HTC  Samsung  Motorola  Acer ฯลฯ อีกมากมาย ปรับแต่งได้หลากหลายชนิดที่เรียกได้ว่าไม่มีมือถือระบบไหนจะทำได้แบบมันอีกแล้ว  และแม้แต่ iPhone มือถืออันดับหนึ่งของโลกก็มีข้อจำกัดหลายอย่างที่ทำอะไรไม่ได้อย่าง Android

เพราะขีดข้อจำกัดมันมีน้อย Android จึงปรับแต่งได้หลากหลาย ที่ผมชอบคือมันมีหน้า Home หลายหน้าเหมือน Linux ต่างกับ iPhone ที่ไม่มีหน้าโฮม บีบีมีหน้าเดียว ส่วนซิมเบี้ยนรุ่นใหม่เพิ่งจะทำให้มีโฮมหลายหน้าคล้าย Android  

การที่โฮมหลายหน้า ทำให้เราสนุกกับการปรับแต่งมือถือมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการหาไอค่อน หาวิดเจทสวยๆมาใส่ ปรับแต่งธีมได้สารพัดรูปแบบ ทำได้สนุกพอๆกับการตกแต่งหน้าจอคอม

ส่วนเรื่องเซ็งของ Android สำหรับผมคือการซื้อแอพจาก Market นี่หล่ะ ถ้าไม่รูทเครื่อง (แฮ็ค) ก็คงจะไม่มีปัญญาหาแอพเทพๆมาใช้ได้ ต่างกับชาว iOS ที่ทำการแหกคุกเพื่อให้ได้ใช้แอพฟรี ส่วนชาวซิมเบี้ยนก็ต้องทำการแฮคและ sign เพื่อใช้ของฟรี

รูทเครื่อง Android สมัยก่อนมันไม่ใช่อะไรที่ง่ายนะ ไม่ใช่ตาสีตาสาจะมาทำได้  ไม่ใช่กดๆแล้วทำได้ แต่มันต้องพิมพ์คำสั่งผ่านคอมพิวเตอร์ โดยใช้ระบบ dos หรือ cmd เข้ามาช่วย  …แต่สมัยนี้สบาย ลงโปรแกรมแล้วใช้นิ้วจิ้มไม่กี่ทีก็รูทได้แล้ว

แต่จะว่าไปการลงโปรแกรมของ Android นั้นโครตง่าย ทั้งแอพเถื่อนและแอพแท้ ง่ายกว่าลงโปรแกรมบนคอมเป็นไหนๆ

เอาหล่ะ ร่ายมาตั้งนานแล้ว สรุปง่ายๆ กันเลยดีกว่า ว่าทำไมมันถึง Geek

• ซื้อมาแล้วต้องลงแอพอีกเยอาะ เพื่อมันเป็นสมาทโฟน
• ทำการรูทเครื่อง เพื่อหาแอพดีๆมาใช้
• Android รุ่นเก่าต้องทำ Root+A2SD เพื่อให้ลงแอพได้มากขึ้น เพราะเมมน้อยเหลือเกิน
• มีโฮมและธีมให้เลือกใช้มากมาย แต่ละโฮมใช้งานไม่เหมือนกันด้วย ลงโฮมใหม่อาจเหมือนได้มือถือเครื่องใหม่
• มีการโม Rom กันเป็นว่าเล่น เพราะผู้จำหน่่ายเชื่องช้า ไม่ทันใจคนชอบอัพเดท
• ปรับแต่งมือถือได้หลากหลายสุดๆ Android รุ่นเดียวกัน แต่ซอฟแวร์อาจต่างกันสุดขั้ว
• มันคือคอมพิวเตอร์มือถือของแท้