ประสบการณ์เอาตัวรอด เมื่อส่งการบ้านไม่ทัน

ส่งงานไม่ทันมันเป็นเรื่องธรรมดาจริงๆนะ   ตอนเรียนประถมและ ม.ต้น ส่งงานเกือบครบทุกอย่าง แต่พอเรียน ม.ปลาย ออกมาอยู่โรงเรียนกินนอน วินัยเสื่อม ส่งบ้างไม่ส่งบ้าง แต่พอขึ้นมหาลัย ต้องบังคับตัวเอง  ต้องส่งงานทุกครั้ง แม้จะช้าไปบ้าง ผมเป็นคนหนึ่งที่ส่งงานช้าประจำ  อาจารย์ส่วนใหญ่ก็ใจดี ให้ส่งงานช้าได้ แม้จะให้คะแนนไม่เท่าเพื่อน แต่ผมก็พอใจ ดีกว่าส่งงานลวกๆ ไปแล้วได้คะแนนต่ำ ซึ่งอาจจะต่ำกว่าส่งงานช้าแล้วทำดีๆ

ผมไม่ได้มาชวนให้ส่งการบ้านช้านะ แต่ถ้าทำไม่ทันจริงๆ มันก็ย่อมมีเหตุให้ต้องทำช้า ส่วนเหตุผลที่ผมส่งงานช้าก็มีอยู่หลายอย่าง  คือพอช่วงอาจารย์สั่งงานใหม่ๆ มันจะรู้สึกว่าเขียนงานไม่ออก อ่านแล้วอ่านอีกแต่เขียนไม่ไป แต่มักจะเขียนไวได้เองอัตโนมัติก็ตอนที่ คืนก่อนส่งงาน มากกว่าครึ่งของนักศึกษาประวัติศาสตร์ มมส. จะลนลานตื่นตัวในวันก่อนส่งงาน  ส่วนตัวในช่วงที่เรียน ป.ตรี ต้องทำกิจกรรมอยู่บ่อยๆ กิจกรรมชมรม  ออกค่าย งานกีฬาต่างๆ

สำหรับวิธีเอาตัวรอด ง่ายๆเลยครับ คือ “พูดความจริง” ทำไม่ทันก็บอกว่าไม่ทัน ผมว่าอาจารย์ส่วนใหญ่ไม่ใจร้าย  สำคัญคือโทรไปบอกหรือแจ้งให้ทราบก่อนว่าจะขอส่งงานช้า  ซึ่งอาจมีเงื่อนไขว่า จะได้คะแนนน้อยกว่าเพื่อน  แต่อย่าทำบ่อยกับอาจารย์คนๆเดียว

เคยมีวิชาหนึ่งที่ส่งวิจัยไม่ทันในเทอมนี้ ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องติด F แล้วอาจารย์ท่านั้นก็ใจดีมากๆ คือให้หาวิธีว่าทำอย่างไรจะไม่ติด F วิชานี้ อาจารย์แกกลัวว่าถ้าติด F วิชานี้ พวกผมจะหมดอนาคตทางการทำงานด้านประวัติศาสตร์ เพราะมีความด่างพร้อยในวิชาสำคัญ  ตอนนั้นมีอยู่สามคนที่ทำไม่ทัน อาจารย์ให้รวมหัวกันคิด เพราะเกรดจะออกแล้ว …สุดท้ายก็คิดออกว่าเทอมหน้าจะได้วิชาของอาจารย์อีกหนึ่งวิชา ก็เลยเสนอให้อาจารย์ให้เกรด C ไปก่อน ถ้าเทอมหน้าไม่ส่งงาน ให้ติด F วิชาถัดไป

สำหรับการเรียนในปัจจุบันในหลายมหาวิทยาลัย จะให้ส่งงานผ่านอีเมล์  ซึ่งจะเช็คเวลาส่งงานได้แม่นยำ  บางคนอาจจะโกงเมื่อส่งงานไม่ทัน เช่น ส่งไฟล์ที่เสียไป ให้เหมือนกับว่าเราส่งไปแล้ว แต่ไฟล์มันเสีย  …วิธีนี้ผมไม่เคยทำนะ ตอนเรียน ป.โท ในบางวิชาจะส่งงานผ่านอีเมล์  ผมทำไม่ทันก็ส่งไปแบบส่งช้า อาจโดนหักคะแนนบ้าง แต่ก็ยังดีกว่าที่ต้องโกง เอาความจริงเผชิญหน้า ส่งงานครั้งหน้าจะได้ตั้งใจกว่านี้

ภาพประกอบ tusb.stanford.edu

Facebook Comments